ข้อควรปฏิบัติเมื่อถูกฟ้องร้องดำเนินคดีแพ่ง
รายการทนายคลายทุกข์ขอนำข้อมูลเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาแนะนำ
เมื่อถูกฟ้องดำเนินคดีแพ่ง จากส่วนประชาสัมพันธ์และบริการประชาชน ศาลแพ่ง
มาเผยแพร่ให้กับพี่น้องประชาชนได้รับทราบ เมื่อต้องถูกฟ้องร้องดำเนินคดี (ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลจากศาลแพ่ง
มา ณ ที่นี้ หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามที่ศาลแพ่ง ได้ที่หมายเลข 02-512-8478,02-541-2420-9
1. ต้องยื่นคำให้การภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง
(คดีมโนสาเร่และคดีที่ไม่มีข้อยุ่งยากจำเลยให้การด้วยวาจาในวันนัดพิจารณาได้)
2.
กรณีที่ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง ให้แก่จำเลยโดยวิธีอื่น เช่น
เจ้าหน้าที่ศาลปิดหมายเรียก และสำเนาคำฟ้องไว้ที่บ้าน หรือที่ทำงานของจำเลย
หรือประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ การนับระยะเวลาจะเริ่มนับ เมื่อพ้น 15 วันนับแต่วันปิด หรือวันประกาศโฆษณา จำเลยจึงยื่นคำให้การภายใน 30 วัน (15+15)
3. จำเลยอาจยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การได้เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษก่อนสิ้นระยะนั้น
เว้นแต่กรณีมีเหตุสุดวิสัย
คู่ความอาจขยายระยะเวลายื่นคำให้การได้ภายหลังจากที่เหตุสุดวิสัยนั้นสิ้นสุดลง
และเป็นดุลพินิจของศาลที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาก็ได้
4. เมื่อจำเลยได้รับหมายเรียกให้ยื่นคำให้การแล้วจำเลยมิได้ยื่นคำให้การภายในเวลาตามที่กฎหมายกำหนดหรือตามคำสั่งศาล
ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ทางแก้สำหรับจำเลยที่ขาดนัดยื่นคำให้การ
กรณีจำเลยมาศาลก่อนศาลวินิจฉัยชี้ขาดให้จำเลยแจ้งต่อศาลว่าประสงค์จะสู้คดี
และขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ยื่นคำให้การ
หากศาลเห็นว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
หรือมีเหตุอื่นอันสมควรศาลจะมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ
การแจ้งความประสงค์จะสู้คดีนี้ จะทำเป็นหนังสือ
หรือแจ้งด้วยวาจาหรือมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนก็ได้
หากจำเลยมิได้แจ้งต่อศาลว่าประสงค์จะสู้คดี
หรือศาลไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การมีผลทำให้จำเลยจะนำพยานของตนเข้าสืบไม่ได้
จำเลยมีสิทธิเพียงถามค้านพยานโจทก์ที่อยู่ระหว่างการสืบพยานเท่านั้น
กรณีจำเลยมาศาลภายหลังจากที่ศาลตัดสินคดีแล้ว จำเลยมีสิทธิขอพิจารณาคดีใหม่
ภายในกำหนดเวลาดังนี้
1. ในกรณีปกติให้ยื่นคำขอต่อศาลภายใน 15 วัน
นับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง
2. ในกรณีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ ให้ยื่นคำขอต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่พฤติการณ์นั้นสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม
ห้ามจำเลยยื่นคำขอต่อศาลเมื่อพ้นกำหนด 6
เดือนนับแต่วันที่ยึดทรัพย์ หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น
และแม้พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ยังไม่สิ้นสุด
3. การสืบพยาน
คู่ความจะต้องยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานนัดแรกไม่น้อยกว่า 7 วัน
หากคู่ความประสงค์จะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมให้ยื่นคำแถลงต่อศาลภายใน
15 วัน นับแต่วันสืบพยานนัดแรก? หากการสืบพยานนัดแรกพ้น
15
วันแล้ว
การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมจะต้องทำเป็นคำร้องแสดงเหตุผลและความจำเป็นที่ไม่อาจยื่นภายในกำหนด
โดยยื่นคำร้องพร้อมกับบัญชีระบุพยานและสำเนาที่จะส่งให้อีกฝ่าย
กรณีที่จำเลยขาดยื่นคำให้การ
จำเลยอาจถามค้านพยานโจทก์ที่อยู่ระหว่างการสืบได้
แต่จะนำสืบพยานหลักฐานของตนไม่ได้
4. ฟังคำพิพากษาหรือคำสั่ง
เมื่อคดีเสร็จการพิจารณาหรือเสร็จการไต่สวน
ศาลจะชี้ขาดตัดสินคดีโดยทำเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งแล้วแต่กรณี
5. การอุทธรณ์-ฎีกา
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว
หากคู่ความฝ่ายใดไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้นคู่ความฝ่ายนั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์
หรือเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้วคู่ความฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับศาลอุทธรณ์มีสิทธิฎีกาต่อศาลฎีกาได้ภายใน
1
เดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น
ข้อโต้แย้งที่คู่ความหยิบยกขึ้นแยกได้เป็นข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
โดยหลักถ้าเป็นข้อกฎหมายจะไม่มีข้อความห้ามในการอุทธรณ์ฎีกา
แต่สำหรับข้อเท็จจริงนั้น หากทุนทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์ไม่เกิน 50,000 บาท หรือทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท
ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์หรือฎีกาในข้อเท็จจริงเว้นแต่ผู้พิพากษาที่นั่งพิพากษาในศาลชั้นต้นหรือศาล
อุทธรณ์รับรองว่ามีเหตุอันสมควรอุทธรณ์ฎีกาหรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีพิพากษาศาลชั้นต้นหรืออธิบดีผู้พิพากษาภาค
(กรณีอุทธรณ์)หรืออธิบดีผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ (กรณีฎีกา)
คดีที่เกี่ยวกับสิทธิแห่งสภาพบุคคลหรือสิทธิในครอบครัว
หรือคดีฟ้องขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
(หรือที่เรียกว่าคดีไม่มีทุนทรัพย์) สามารถอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ยกเว้นคดีฟ้องขับไล่ ซึ่งถือเป็นคดีฟ้อง
ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้
หากอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในในขณะยื่นฟ้องไม่เกิน 4,000 บาท
(กรณีอุทธรณ์) หรือไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท (กรณีฎีกา)
ต้องห้ามอุทธรณ์ฎีกาในข้อเท็จจริง
คู่ความอาจยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ฎีกาได้เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษก่อนสิ้นระยะเวลานั้น
เว้นแต่กรณีมีเหตุสุดวิสัย คู่ความอาจขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์หรือฎีกาได้ภายหลัง
จากที่เหตุสุดวิสัยนั้นสิ้นสุดลงและเป็นดุลพินิจของศาลที่จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาก็ได้
8. การบังคับคดี
เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งอย่างใดซึ่งจะต้องมีการบังคับคดี
ศาลจะมีคำบังคับกำหนดวิธีที่จะปฏิบัติตามคำบังคับในวันที่พิพากษา หรือคำสั่ง
และถ้าลูกหนี้ตามคำพิพากษาในวันนั้น ศาลจะให้ลงลายมือชื่อรับทราบคำบังคับ
แต่หากมิได้มาในวันดังกล่าว เจ้าพนักงานศาลจะส่งคำบังคับนั้นไปยังลูกหนี้ตามคำพิพากษา
โดยในคำบังคับจะกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไข
หากลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ปฏิบัติตามคำบังคับนั้นจะต้องถูกยึดทรัพย์ หรือถูกจับ
และจำขังแล้วแต่กรณี
หากลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่ปฏิบัติตามคำบังคับภายในเวลาที่กำหนด
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้ภายใน
10
ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง
โดยอาศัยและตามคำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น
โดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น โดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น โดยเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลเพื่อให้ออกหมายบังคับคดี
อย่างไรก็ดี เมื่อบุคคลใดถูกฟ้องเป็นจำเลยควรปรึกษา
และแต่งตั้งทนายความให้ดำเนินกระบวนพิจารณาแทน
ทนายคลายทุกข์และทีมงานทนายความ
ให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญา ร้องทุกข์ ร้องเรียน ไม่ได้รับความเป็นธรรม เจรจาหนี้สิน สืบทรัพย์ บังคับคดี รับอบรมสัมมนา พัฒนาบุคคลกรทางด้านกฎหมาย อบรมนักทวงหนี้ ให้คำแนะนำในการปล่อยสินเชื่อ โดยทีมงานทนายความมืออาชีพสอบถาม 02-948-5700,
081-625-2161