ธปท.ปลดล็อกคุมหนี้เอ็นพีแอล
นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กล่าวปาฐกถาในงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2552
สมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ รร.โฟร์ซีซั่น
ในหัวข้อเรื่องมาตรการการเงินและสถาบันการเงินไทยในวิกฤติเศรษฐกิจปัจจุบัน ว่า
ธปท.พบว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของสถาบันการเงินใน 2
เดือนแรกของปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 16,000 ล้านบาท จาก 5.6% ของสินเชื่อรวมในเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่านมาเป็น 5.9%
ของสินเชื่อรวม ณ สิ้นเดือน ก.พ.ปีนี้ โดยภาคอุตสาหกรรมมีหนี้เอ็นพีแอลเพิ่มมากที่สุด
และที่สุ่มเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้นต่อในระยะต่อไปคือภาคการส่งออก
ภาคการผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกและภาคบริการ
ขณะที่หนี้เอ็นพีแอลของสินเชื่อภาคประชาชน
เช่น
สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์พยายามลดหนี้เอ็นพีแอลใหม่ด้วยการปรับลดสินเชื่อเก่าลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อใหม่
นอกจากนั้น ยังเข้าไปดูแลลูกค้าเร็วขึ้น
มีกระบวนการในการติดตามและปรับโครงสร้างหนี้เร็วขึ้น และได้ตกลงกับ
ธปท.ที่จะปรับโครงสร้างภายในธนาคารโดยให้มีหน่วยงานปรับโครงสร้างหนี้เข้าไปอยู่ในธนาคารอย่างถาวรด้วย
“ในส่วนของ
ธปท.นั้นช่วงที่ผ่านมาได้ปรับเกณฑ์การประเมินลูกหนี้เป็นหนี้เอ็นพีแอลในลักษณะผ่อนคลาย ลงจากเดิมที่กำหนดให้คิดหนี้เอ็นพีแอลเป็นรายบุคคล แม้มีบัญชีใดบัญชีหนึ่งเป็นหนี้เอ็นพีแอลก็ให้ธนาคารพาณิชย์คิดเป็นหนี้เอ็นพีแอลทั้งหมดและต้องสำรองหนี้เสียทั้งก้อน
เปลี่ยนเป็นคิดหนี้เอ็นพีแอลรายบัญชีและให้สำรองหนี้ตามวงเงินในบัญชีนั้นๆ
ส่วนบัญชีที่ยังเป็นหนี้ปกติสามารถปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นได้”
นอกจากนี้
ธปท.ยังหารือและกดดันธนาคารพาณิชย์เร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มเติม
หลังจากที่คณะกรรมการ นโยบายการเงิน (กนง.)
ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 2.25% ในช่วงที่ผ่านมา
เพราะมองว่าธนาคารพาณิชย์ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงในอัตราที่เหมาะสมกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจแล้ว
แต่ในส่วนของเงินกู้ยังไม่ต่ำพอที่จะช่วยในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ.
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าวจากเวปไซด์ไทยรัฐ