แรงงานกว่า 80 %มีหนี้เพิ่ม
ทนายคลายทุกข์ขอนำข่าวเกี่ยวกับแรงงาน ซึ่งม.หอการค้าเผยผลสำรวจ
แรงงาน กว่า 80
% มีหนี้เพิ่ม ไม่มั่นใจหวั่นถูกเลิกจ้าง-กู้เงินนอกระบบมากขึ้น
นาย
ทั้งนี้จากสถิติภาระหนี้ของแรงงานไทยพบ 83.3%
มีปัญหาหนี้เพิ่มขึ้น เมื่อจำแนกประเภทของหนี้ที่มาจากการการใช้จ่ายทั่วไป ถึง 63.64% รองลงมาคือหนี้จากการซื้อบ้าน 22.41%
รวมถึงมีภาระหนี้จากการซื้อบ้าน 8.93%
ภาระที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้แรงงานไทยเป็นหนี้เพิ่มขึ้น
โดยแหล่งเงินกู้ที่แรงงานไทยส่วนใหญ่พึ่งพาเงินจากบัตรเครดิต
42.57% รองลงมาก็คือจากญาติ 31.11%,กองทุนหมู่บ้าน 27.31%,ธนาคารพาณิชย์ 22.38%นายทุน 18.65%,เพื่อน/คนรู้จัก 14.11%
ซึ่งจากผลสำรวจสะท้อนให้เห็นคนว่าเริ่มเป็นหนี้นอกระบบมากขึ้นจากเดิม 25-30% คนเป็นหนี้นอกนอกระบบเพิ่มขึ้นถึง 45%
ปัญหารายได้ที่ลดลงเกิดจากการลดชั่วโมงทำงานและลดการทำงานล่วงเวลา
(OT) ของพนักงานในโรงงานส่วนใหญ่ ระดับการศึกษาชั้นมัธยม สัดส่วน 63%
พนักงานดังกล่าวได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อทั้งภายในประเทศและการส่งออกลดลง
ซึ่งปัญหาดังกล่าวทำให้พนักงานเหล่านี้มีความกังวลเกี่ยวกับความไม่มั่นคงในการทำงาน
และยังมีโอกาสตกงานสูง
ทั้งนี้
เกิดจากประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความเชื่อมั่นในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่เห็นผลชัดเจน
คนยังไม่เชื่อมั่นในปัญหาทางการเมือง
นาย ธนวรรธน์
ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า
รัฐบาลควรเข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อช่วยกลุ่มพนักงานที่มีรายได้น้อยจะได้รับผลกระทบมากที่สุดโดยเฉพาะกลุ่มคนมีรายได้ต่ำกว่า
5,000 บาทต่อเดือน เริ่มขาดการชำระหนี้
จึงควรช่วยด้านการเพิ่มค่าครองชีพของประชาชน โดยการขึ้นอัตราค่าแรงงานขั้นต่ำอีก 5.6% หรือ เพิ่มขึ้นอีก 7-8 บาท จากเดิม 204-205 บาทต่อวัน ซึ่งจะช่วยพนักงานแล้วยังช่วยชะลอการเลิกจ้างได้
ทั้งนี้รัฐบาลควรเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการว่างงานให้ลดลงกว่าที่คาดว่าจะมีคนตกงานประมาณ
1-1.2 ล้านคน ซึ่งหากมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจจากเช็กช่วยชาติ
และมาตรการเรียนฟรี 15ปี ที่เริ่มดำเนินการในไตรมาส 2 เริ่มเห็นผล อาจจะช่วยลดจำนวนคนตกงานลงได้
โดยอัตราการว่างงานโดยรวมตั้งแต่เดือนม.ค.-เม.ย.อยู่ที่ 8-9
แสนคน แต่อัตราคนว่างงานลดลงจากเดือนละ 1 แสนคนมาเหลือเพียง 8.5 หมื่นคนในเดือนเมษายน หลังจากที่ผ่านไตรมาส 1
ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำที่สุดมาแล้ว
นายธนวรรธน์
กล่าวว่า
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐจะช่วยให้เศรษฐกิจช่วยเป็นเศรษฐกิจขยายตัว 1-2%จากที่คาดว่าจะติดลบทั้งปีประมาณ
3.5-4.3% แต่สถานการณ์ทางการเมืองยังมีผลต่อความเชื่อมั่นด้านการบริโภคและการท่องเที่ยว
แต่หากทุกอย่างฟื้นกลับมาจะทำให้ปัญหาต่างๆ เบาบางลง และฟื้นตัวได้ในไตรมาส 4 หลังจากที่เริ่มเห็นสัญญาการฟื้นตัวด้านการส่งออกในไตรมาส 3
ส่วนการมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐในการตัดภาระด้านการส่งเงินประกันสังคม
6
เดือน จะช่วยชะลอการเลิกจ้างได้ เพราะลดภาระของนายจ้างและลูกค้า
ในขณะที่ภาครับไม่เสียอะไร และหากรัฐมีแผนใช้เงินควรเตรียมมาตรการรองรับ
ขอขอบคุณ
รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์