โอบามาฝ่าด่าน |โอบามาฝ่าด่าน

โอบามาฝ่าด่าน

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

โอบามาฝ่าด่าน

ข่าวทนายคลายทุกข์วันนี้เป็นเรื่องที่ถือว่าต่างชาติอย่างสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือเรื่อง

บทความวันที่ 28 พ.ค. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 721 ครั้ง


โอบามาฝ่าด่าน "บัตรเครดิต" เดินหน้าแผนปฏิรูปการเงินทั้งระบบ

     ข่าวทนายคลายทุกข์วันนี้เป็นเรื่องที่ถือว่าต่างชาติอย่างสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญอย่างยิ่งคือเรื่อง"บัตรเครดิต"  ซึ่งประธานาธิบดีโอบามาทราบถึงปัญหาของเรื่องบัตรเครดิตในด้านต่าง ๆ เช่น ค่าปรับล่าช้า  หนี้คงค้าง หรือข้อตกลงของบริษัทบัตรเครดิตกับประชาชนผู้ใช้  จึงออกมาจัดทำกฎหมายการเปิดเผยข้อมูล ความรับผิดชอบ และสำนักต่อสาธารณชนของอุตสาหกรรมบัตรเครดิตขึ้นเพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชน

รายละเอียดรายงานข่าว
 
     เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ประธานาธิบดี บารัก โอบามาของสหรัฐ ได้ลงนามในร่างกฎหมายการเงินฉบับใหม่ เรียกว่า กฎหมายการเปิดเผยข้อมูล ความรับผิดชอบ และสำนึกต่อสาธารณชน ของอุตสาหกรรมบัตรเครดิต (Credit Card Accountability Responsibility and Disclosure Act (CARD)

     ถือเป็นการปฏิรูปอุตสาหกรรมการเงินครั้งสำคัญและมีผลสั่นสะเทือนต่อผู้เล่นรายสำคัญๆ ในภาคบริการการเงินที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาคการธนาคารที่พยายามคัดค้านสาระสำคัญในหลายมาตรการ

     ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ จะครอบคลุมมาตรการป้องกันการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากบัญชีบัตรเครดิตอย่างฉับพลัน การคิดค่าธรรมเนียมแอบแฝง รวมถึงห้ามเปลี่ยนแปลงกำหนดวันชำระเงิน และต้องมีการเปิดเผยข้อมูลแก่ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเงื่อนไขสัญญา

     โรเบิร์ต แฮมเมอร์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท อาร์ เค แฮมเมอร์ ที่ปรึกษาธุรกิจบัตรเครดิตคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมบริการบัตรเครดิต จะสูญเสียรายได้จากอัตราดอกเบี้ยราว 1 หมื่นล้านดอลลาร์

     ขณะที่วอลล์สตรีต เจอร์นัล ประเมินว่า อุตสาหกรรมบัตรเครดิต มีแนวโน้มจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ จากผู้ใช้บัตรราว 2.05 หมื่นล้านดอลลาร์

     สำหรับปฏิกิริยาของสถาบันการเงินที่เกี่ยวข้อง เคนเน็ท เชโนลต์ ซีอีโอของอเมริกัน เอ็กซ์เพรส กล่าวว่า กฎหมายใหม่ที่ออกมาควบคุมการคิดค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต อาจทำให้การปล่อยกู้แก่ผู้ที่ต้องการสินค้าลดลง และกระทบต่อบริษัทคู่แข่งมากกว่าเนื่องจาก 80% ของรายได้ของอุตสาหกรรมมาจากค่าธรรมเนียม

     ประเมินกันว่า หนี้ครัวเรือนของ ชาวอเมริกันที่ถือบัตรเครดิตอยู่ที่ระดับ 17,000 ดอลลาร์ ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า ในแต่ละปีชาวอเมริกันต้องเสียค่าธรรมเนียมในส่วนของค่าปรับประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดย 80% ของครัวเรือนอเมริกันโดยเฉลี่ย ถือครองบัตรเครดิต 1 ใบ และ 44% ของครัวเรือน มีหนี้บัตรเครดิตค้างชำระ

     การผลักดันกฎหมายปฏิรูปอุตสาหกรรมบัตรเครดิต เป็นหนึ่งในความคืบหน้าของแผนริเริ่มในการปฏิรูปอุตสาหกรรมบริการการเงินทั้งระบบ ในสมัยของประธานาธิบดีโอบามา หลังวิกฤตซับไพรมในสหรัฐแปรสภาพเป็นวิกฤตการเงินโลกเมื่อปีที่แล้ว

     นอกเหนือจากการผลักดันการออก กฎหมายควบคุมอุตสาหกรรมบัตรเครดิตแล้ว ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของ โอบามายังได้ออกกฎหมายหรือเสนอแผนริเริ่มออกมาแล้วจำนวนหนึ่ง เพื่อมุ่งหน้าไปสู่การปฏิรูประบบการเงินอย่างครอบคลุม

     อาทิ ข้อเสนอออกกฎหมายใหม่เพื่อปราบปรามพฤติกรรมการซื้อขายตราสารอนุพันธ์นอกตลาด ด้วยการนำผลิตภัณฑ์การเงินเหล่านั้นเข้าสู่ระบบการซื้อขายอย่างเป็นทางการ กำหนดให้มีระบบชำระ ธุรกรรมกลาง มีการกำกับดูแลดีลเลอร์อย่างใกล้ชิด และเพิ่มความโปร่งใสในตลาด

     เมื่อเร็วๆ นี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐบางรายได้เสนอร่างกฎหมายใหม่ๆ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา โดยมีเป้าหมายเพื่อให้อำนาจแก่คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ในการดูแลเรื่องการจดทะเบียนกองทุนบริหารความเสี่ยง หรือเฮดจ์ฟันด์ กองทุนประเภทไพรเวตอีควิตี้ และกองทุนเวนเจอร์แคปิตอล ซึ่งหากกฎหมายเหล่านั้นมีผลบังคับ จะส่งผลให้บรรดาที่ปรึกษาจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ต้องขึ้นทะเบียนกับ คณะกรรมการ SEC อย่างเป็นทางการ

     นอกจากนี้ รัฐบาลของโอบามายังได้ ส่งร่างกฎหมายการให้อำนาจพิเศษในการคลี่คลายปัญหาสำคัญๆ เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลสามารถเข้าไปยึดอำนาจการบริหารและจัดการกับสถาบันการเงินนอกภาคธนาคารขนาดใหญ่ และไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

     ในด้านกำกับดูแลระบบการเงิน มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาจัดทำแผนริเริ่มในการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลความเสี่ยงทางระบบ และนำเสนอต่อรัฐสภาในอนาคตอันใกล้นี้

     โดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการควบคุมความเสี่ยงทางระบบที่มีผลต่อเศรษฐกิจ โดยก่อนหน้านี้สหรัฐ ไม่เคยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการถาวรขึ้นมาดูด้านนี้โดยตรง

     แผนริเริ่มอื่นๆ ที่คาดว่าจะทยอยออกมาในสมัยของโอบามา ยังครอบคลุมตั้งแต่การออกกฎหมายปฏิรูปการจ่ายค่าตอบแทนในอุตสาหกรรม ที่กระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมแบกรับความเสี่ยงมากเกินไป จนถึงการแก้ไขมาตรฐานด้านเงินทุนของธนาคาร และสถาบันการเงินให้เข้มงวดมากขึ้น การปฏิรูปอุตสาหกรรมเครดิตเรตติ้ง โดยพุ่งเป้าไปที่ปมผลประโยชน์ทับซ้อนของอุตสาหกรรมและบริษัทหรือสถาบันการเงิน

     นอกเหนือจากข้อเสนอข้างต้นแล้ว ยังต้องจับตามองการจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านผลิตภัณฑ์การเงิน ซึ่งมีรูปแบบและโครงสร้างการทำงานคล้ายๆ กับคณะกรรมการความปลอดภัยในสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงการพิจารณาเรื่องการออกกฎระเบียบใหม่ขึ้นมากำกับดูแลอุตสาหกรรมประกัน ด้วยการตั้งหน่วยงานระดับชาติขึ้นมากำกับดูแล ควบคู่ไปกับหน่วยงานระดับรัฐที่มีอยู่ในปัจจุบันหรือไม่

ขอขอบคุณรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ

 

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก