นิโรธ เจริญประกอบ เดินหน้าแก้สัญญา บัตรเครดิต
ทนายคลายทุกข์ขอนำข่าวเกี่ยวกับนายนิโรธ เจริญประกอบ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเป็นองค์กรที่มีหน้าที่คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค มีงานเข้าไม่ขาดสาย โดยเฉพาะช่วงนี้เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับธุรกิจบัตรเครดิตค่อนข้างโดดเด่น ภายใน 5 เดือนแรกปีนี้มีเข้ามา 217 ราย
ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการหักหนี้สุดโหดของสถาบันการเงินและผู้ออกบัตรเครดิต โดยใช้วิธีหักเงินจากบัญชีลูกค้าที่ถือบัตรกรณีขาดชำระหนี้ นอกจากนี้ยังคิดค่าปรับหากชำระเงินล่าช้า แม้เพียงวันเดียวก็โขกค่าปรับสูงถึงวันละ 200-250 บาท อย่างนี้เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวการต้มตุ๋นหลอกลวงระบาดหนัก เช่น กรณีส่งเอสเอ็มเอส และอี-เมล์ แจ้งว่าได้รับเงินรางวัลพิเศษขอให้ติดต่อกลับ จนเสียรู้ เสียเงินให้กับแก๊งต้มตุ๋น หรือล่าสุดบริษัทประกันขายบริการผ่านทางโทรศัพท์ หรือผ่านการส่งข้อความเอสเอ็มเอส ซึ่งสร้างความรำคาญให้กับผู้บริโภค
ในบรรดาเรื่องร้องเรียนทั้งหลาย "นิโรธ" ให้ความสำคัญกับความเดือดร้อนของผู้ถือบัตรเครดิตเป็นลำดับต้นๆ เพราะลูกค้าบัตรเครดิตเป็นมนุษย์เงินเดือน คนเมือง โดยบรรจุวาระแก้ไขสัญญาบัตรเครดิตเป็นวาระแรก ในการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาที่จะขึ้นเร็วๆนี้
แต่กระนั้น "นิโรธ" บอกว่า เรื่องนี้อาจจะต้องใช้เวลา นับจากคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาไปศึกษาและหาแนวทางในการเกี่ยวกับการทำสัญญาใหม่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ถือบัตรเครดิต
เมื่อได้สัญญาใหม่มาแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของ สคบ.ที่ต้องจัดสัมมนาฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงินหรือผู้ออกบัตร และผู้บริโภค
ดังนั้นเพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคในยุคเศรษฐกิจขาลง "นิโรธ"หันมาเน้นนโยบายการดำเนินงานเชิงป้องกัน ด้วยการสร้างเครือข่าย ซึ่งขณะนี้ สคบ.มีการกระจายอำนาจลงไปสู่ระดับท้องถิ่น
ในวันนี้องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทุกตำบล และเทศบาลทุกแห่งทั่วประเทศ มีคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคคอยรับเรื่องราวร้องทุกข์ และพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคในท้องถิ่นให้ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าและบริการ บนมาตรฐานเดียวกับการร้องเรียนผ่าน คคบ. ส่วนกลาง
อย่างไรก็ตาม งานเร่งด่วนของ "นิโรธ" กับภารกิจนี้คือทำอย่างไรให้ คคบ.ที่ประจำทุกตำบล และเทศบาล มีมาตรฐานการวินิจฉัยคดีได้เทียบเท่ากับ คคบ.ส่วนกลาง ในขณะที่งบประมาณในการจัดประชุมเพื่อให้ความรู้มีค่อนข้างจำกัด ทางออกที่พอมองเห็นช่องก็คือต้องประสานความร่วมมือไปยังกรมการปกครอง ขอให้ สคบ.ได้เข้าไปร่วมให้ความรู้กับ อบต. ด้วยคน
หากสามารถทำได้ต่อไปผู้บริโภคไทยมีภูมิคุ้มกันแข็งแรง ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้ประกอบการที่คิดเอาเปรียบ
สำหรับ "นิโรธ" จัดเป็นลูกหม้อของ สคบ. เริ่มทำงานตั้งแต่ สคบ.ก่อตั้งขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน กระทั่งเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2551 คณะรัฐมนตรีรัฐบาล "สมัคร สุนทรเวช" ได้มีมติแต่งตั้ง "นิโรธ" ซึ่งขณะนั้นกำลังดำรงตำแหน่ง "รองเลขาธิการ" คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ขยับขึ้นมานั่งเก้าอี้ "เลขาธิการ" แทน "รัศมี วิศทเวทย์" ที่เกษียณอายุราชการไป ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา
ขอขอบคุณรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ