กรุงไทยโต้ |กรุงไทยโต้

กรุงไทยโต้

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

กรุงไทยโต้

ทนายคลายทุกข์ขอนำข่าวที่ ธ.กรุงไทย ชี้แจงกรณี

บทความวันที่ 22 มิ.ย. 2552, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 1018 ครั้ง


กรุงไทยโต้ "มนต์ชัย อัศวพรชัย" เงินหาย 3 ล. ยัน KTB Online ปลอดภัยสูง  
 


        ทนายคลายทุกข์ขอนำข่าวที่ ธ.กรุงไทย ชี้แจงกรณี "มนต์ชัย อัศวพรชัย" ลูกค้าสาขาตลาดสี่มุมเมือง โวยแบงก์ทำเงินหายจากบัญชี 3 ล้านบาท โดยมีคนร้ายนำบัตรประชาชนปลอมไปเปิดบัญชี และทำบัตรเอทีเอ็มรูดเงินเกลี้ยง ถือเป็นความผิดพลาดของลูกค้า เพราะไม่ได้แจ้งอายัดบัตร พร้อมยืนยันระบบ KTB Online มีความปลอดภัยสูง
      
       นางวัลลยา แก้วรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารกลุ่ม สายงานบริหารความเสี่ยงและกำกับ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวชี้แจงข่าวกรณีที่นายมนต์ชัย อัศวพรชัย นักธุรกิจนำเข้าผลไม้และพืชผลทางเกษตรในตลาดสี่มุมเมือง ลูกค้าของธนาคาร ได้เข้าร้องทุกข์ว่าถูกธนาคารกรุงไทย สาขาตลาดสี่มุมเมืองและธนาคารกรุงไทย สำนักงานใหญ่ ปฏิเสธการคืนเงินที่ถูกคนร้ายแฮกเกอร์ข้อมูลทางระบบ KTB Online นำบัตรประชาชนปลอมเปิดบัญชี พร้อมทำบัตร ATM ไปเบิกเงินและกดเงินสูญไปร่วม 3 ล้านบาทนั้น
      
       นางวัลลยา ชี้แจงว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับลูกค้ารายนายมนต์ชัย อัศวพรชัยนั้นสามารถแยกเป็น 2 กรณี คือ 1. กรณี มีการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนของนายมนต์ชัย อัศวพรชัย ไปเปิดบัญชีออมทรัพย์ที่สาขาศูนย์การค้าอยุธยาพาร์ค และมีการโอนเงินผ่านระบบ KTB Online จากบัญชีของนายมนต์ชัย อัศวพรชัยที่สาขาตลาดสี่มุมเมือง จำนวน 410,900 บาท ไปเข้าบัญชีที่สาขาศูนย์การค้าอยุธยาพาร์ค
      
       2.กรณีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ของนาย มนต์ชัย อัศวพรชัย ที่สาขาตลาดสี่มุมเมือง มีการถอนเงินออกจากบัญชีด้วยบัตร ATM คู่กับรหัสบัตร จำนวน 17 ครั้ง เป็นเงิน 2,329,000 บาท โดยที่เจ้าตัวแจ้งว่าไม่ได้เป็นคนทำรายการ
      
       สำหรับ ในกรณีแรก มีการนำบัตรประจำตัวประชาชนปลอม มาเปิดบัญชีที่สาขาศูนย์การค้าอยุธยาพาร์ค เมื่อต้นเดือนเมษายน 2552 นั้น กรณีนี้ธนาคารตกลงชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นให้กับลูกค้าทั้งจำนวน เป็นเงิน 410,900 บาท เนื่องจากเป็นความบกพร่องของธนาคารในการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งตามปกติในการเปิดบัญชีใหม่นั้น ธนาคารใช้ระบบ KTB Smart Open Account ซึ่งเป็นการเปิดบัญชีอัตโนมัติ ที่มีการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังกรมการปกครอง สามารถป้องกันการใช้บัตรประชาชนปลอมมาเปิดบัญชี และธนาคารกรุงไทยเป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวที่สามารถเชื่อมข้อมูลดังกล่าว
      
       อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เนื่องจากในวันที่มีการทุจริตเปิดบัญชีดังกล่าว มีการเปลี่ยนแปลงระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ ทั้งนี้ ธนาคารได้แจ้งการชดใช้ค่าเสียหายข้างต้นให้นายมนต์ชัย อัศวพรชัย ทราบไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ลูกค้ายังมิได้รับเงินไปจากธนาคาร
      
       ส่วนกรณีที่มีการใช้บัตร ATM ของลูกค้า เบิกถอนเงินจากเครื่อง ATM นั้น โดยหลักการแล้ว หากเป็นการใช้บัตรควบคู่กับรหัสบัตร ซึ่งถือเป็นข้อมูลลับ จะอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าของบัตร เว้นแต่จะได้มีการแจ้งอายัดบัตรมายังธนาคารแล้ว
      
       อย่างไรก็ตาม ธนาคารไม่ได้นิ่งนอนใจ และอยู่ระหว่างติดตามการทำรายการต่างๆ ซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เนื่องจากมีทำรายการรวม 17 ครั้ง ในระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2551 ถึงเดือนมีนาคม 2552 และมีการทำรายการที่เครื่อง ATM ของธนาคารต่างๆ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของธนาคารพบว่า การทุจริตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ไม่ใช่การแฮกเกอร์ข้อมูลทางระบบ KTB Online ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
      
       นอกจากนี้ ธนาคารขอยืนยันว่า ระบบ KTB Online ของธนาคารมีความปลอดภัยและมีระบบการป้องกันที่ดี ปัญหาการแฮกเกอร์โดยทั่วไป มักเกิดจากลูกค้าใช้คอมพิวเตอร์ในการทำธุรกรรมทางการเงินร่วมกับผู้อื่น ซึ่งทำให้ผู้ทุจริตล่วงรู้รหัสและข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า แต่มิใช่เกิดจากความผิดพลาดของระบบ Online ของ ธนาคาร และที่ผ่านมาเมื่อลูกค้าแจ้งความผิดปกติของรายการ ธนาคารจะช่วยติดตามและตรวจสอบข้อมูลทางการเงินในระบบคอมพิวเตอร์ จนสามารถติดตามผู้ทุจริตได้อย่างรวดเร็ว

 ขอขอบคุณรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ
 
 
 
 
 
 
 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1

มีประโยชน์มากครับ  ช่วยให้ผู้อ่านเกิดความรอบคอบในการใช้บริการออน์ไลน

ขอบคุณมากๆ ครับ

โดยคุณ ch 31 ส.ค. 2555, 20:04

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก