อายุความของสัญญาเงินกู้
สัญญาเงินกู้มีอายุความ 10 ปี เริ่มนับจากวันไหนคะ สมมติว่าทำสัญญา 1 ม.ค. 40 สัญญามีอายุ 2 ปี ครบกำหนด 1 ม.ค. 42 แต่เนื่องจากลูกหนี้ไม่มีเงินเพื่อต่อสัญญา เพราะว่าสหกรณ์เวลาต่อสัญญาเงินกู้ต้องจ่ายค่าหุ้น 5% ของเงินกู้ด้วย(เป็นค่าหุ้นของสมาชิกเอง) และในวันที่ 1 พ.ค. 48 ยังมาติดต่อผ่อนชำระเงินกู้อยู่ อยากทราบว่า ณ วันนี้ (29 มี.ค. 53) สัญญานี้ทางสหกรณ์จะทำการฟ้องร้องได้หรือไม่ (ขาดอายุความหรือยัง)
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
อายุความตามสัญญากู้ยืมเงิน มีกำหนดอายุความทั่วไป 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 ซึ่งสิทธิเรียกร้องหนี้เงินกู้ ย่อมเริ่มนับแต่วันที่ถึงกำหนดชำระเงินกู้คืน ตาม มาตรา 193/12 และเมื่อปรากฎตามปัญหาว่า สัญญากู้ถึงกำหนดชำระ 2 ปี และครบกำหนดในวันที่ 1 ม.ค. 42 เพราะฉะนั้น อายุความสิทธิเรียกร้องหนี้เงินกู้ จึงมีกำหนดอายุความถึง 1 ม.ค. 52 ส่วนการที่ลูกนี้ได้มาติดต่อขอผ่อนชำระเงินกู้ ในวันที่ 1 พ.ค. 48 หากทางสหกรณ์ได้รับชำระหนี้ดังกล่าว ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ลูกหนี้ได้ทำการชำระหนี้ให้บางส่วนแล้ว กรณีนี้จึงย่อมทำให้อายุความสะดุดหยุดลงในวันที่ 1 พ.ค. 48 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/14(1) และเมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้ว ระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้น ย่อมไม่นับเข้าในอายุความ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/15 ฉะนั้น อายุความตามสิทธิเรียกร้องแห่งมูลหนี้เงินกู้ดังกล่าวจึงต้องเริ่มนับแต่วันที่ 1 พ.ค. 48 ต่อไปจนครบกำหนด 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/15 เพราะสัญญาเงินกู้ในขณะนี้ยังไม่ครบกำหนดอายุความ ทางสหกรณ์ย่อมมีสิทธิเรียกร้องตามมูลหนี้กู้ยืมเงินโดยฟ้องคดีต่อศาลเรียกเงินกู้คืนได้ พร้อมด้วยดอกเบี้ยผิดนัดตามกฎหมายร้อยละ 7.5 ต่อปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 224
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 193/14 อายุความย่อมสะดุดหยุดลงในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ลูกหนี้รับสภาพหนี้ต่อเจ้าหนี้ตามสิทธิเรียกร้องโดยทำเป็นหนังสือรับสภาพหนี้ให้ ชำระหนี้ให้บางส่วน ชำระดอกเบี้ย ให้ประกัน หรือกระทำการใดๆ อันปราศจากข้อสงสัยแสดงให้เห็นเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ตามสิทธิเรียกร้อง
มาตรา 193/15 เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้ว ระยะเวลาที่ล่วงไปก่อนนั้นไม่นับเข้าในอายุความ
เมื่อเหตุที่ทำให้อายุความสะดุดหยุดลงสิ้นสุดเวลาใด ให้เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่เวลานั้น
มาตรา 193/30 อายุความนั้น ถ้าประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ให้มีกำหนดสิบปี
มาตรา 224 หนี้เงินนั้น ท่านให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดร้อยละเจ็ดกึ่งต่อปี ถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้นโดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้น
ท่านห้ามมิให้คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยในระหว่างผิดนัด
การพิสูจน์ค่าเสียหายอย่างอื่นนอกกว่านั้น ท่านอนุญาตให้พิสูจน์ได้