การให้ใบแดงใครนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการตัดสิทธิเขา

บทความวันที่ 30 มิ.ย. 2554, 00:00

มีผู้อ่านทั้งหมด 11311 ครั้ง

นักเลือกตั้งย่ามใจใบแดง กกต.ฝืดปล่อยซื้อเสียงสะพัด3วันสุดท้าย

การให้ใบแดงใครนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการตัดสิทธิเขา ถ้าพิจารณาโดยผิวเผินก็คงทำไม่ได้ การให้ใบเหลืองใบแดงจะต้องรอบคอบอย่างยิ่ง เพราะกกต.เองก็มีเวลาน้อยมากในการพิจารณา ดูจากสำนวนการสอบสวนแล้วบางสำนวนก็ไม่ได้ผ่านมาจากจังหวัด ซึ่งจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบสวนเอาเอง เรื่องนี้ต้องระมัดระวังในเรื่องของพยานหลักฐานด้วย หากให้แบบส่งเดชไปแล้วนั้น ผู้ที่ถูกตัดสิทธิก็คงมาดำเนินการกับกกต.คือจะไปทำตามกระแสไม่ได้จะทำอะไรต้องรอบคอบ”
   
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวภายหลังการประชุม กกต. เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมาและว่า ส่วนกรณีที่เหลือระยะเวลาเพียง 5 วันก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นั้น กกต.จำเป็นต้องพิจารณาไปตามหลักฐาน ถ้าข้อมูลยังไม่ชัดเจนก็ต้องดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งหากระยะเวลาจากนี้จนถึงวันเลือกตั้ง กกต.ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จก็ยังมีเวลาอีก 30 วัน ที่จะสามารถพิจารณาได้ภายหลังวันเลือกตั้ง หากพ้นระยะเวลา 30 วันไปแล้วก็จะเป็นหน้าที่ที่ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้งจะเป็นผู้พิจารณา ฟังแล้วแนวโน้มที่เรา ๆ ท่าน ๆ จะมีโอกาสได้เห็น ’ใบแดง“ ก่อนการเลือกตั้งถูกควักออกจากกระเป๋าของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คงเหลือน้อยเต็มที แม้นางสดศรี จะระบุว่ายังมีเวลาอีก 30 วันหลังและระยะเวลาอีก 1 ปีหลังการประกาศผลการเลือกตั้ง
   
แต่ ’ใบแดง“ ก่อนการลงคะแนนเลือกตั้งกับ ’ใบแดง-ใบเหลือง“ หลังการลงคะแนนเลือกตั้งนั้นมีความแตกต่างกันอยู่ กล่าวคือ
   
กรณี ’ใบแดง“ ก่อนการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.เขต หรือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ย่อมส่งผลกระทบต่อคะแนนของพรรคการเมืองนั้น แต่หากเป็นกรณี ’ใบแดง-ใบเหลือง“ หลังการลงคะแนนเลือกตั้งจะมีผลเฉพาะกับผู้สมัคร ส.ส.เขตเท่านั้นไม่มีผลไปถึงคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือพูดง่าย ๆ ว่า การเลือกตั้งใหม่หลังการลงคะแนนในวันที่ 3 ก.ค.จะเลือกเฉพาะ ส.ส.แบบเขตเดียวคนเดียวเท่านั้น
   
ที่จริงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา (วันที่ 23 ธ.ค. 2550) ก็ไม่ได้มีการแจก ’ใบแดง“ ก่อนการลงคะแนนเลือกตั้ง แต่มาดำเนินการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง
   
ในการเลือกตั้งวันที่ 23 ธ.ค.คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่จำนวน 4 ครั้งใน 14 เขตเลือกตั้ง 11 จังหวัด ประกอบด้วย
   
ครั้งแรก วันที่ 13 ม.ค.  2551 จำนวน 1 เขตได้แก่ เขต 3 จ.นครราชสีมา
   
ครั้งที่ 2 วันที่ 17 ม.ค. 2551 จำนวน 2 จังหวัด 2 เขต ประกอบด้วย เขต 2 จ.ชัยภูมิ และเขต 1 จ.บุรีรัมย์
   
ครั้งที่ 3 วันที่ 20 ม.ค. 2551 จำนวน 7 จังหวัด 9 เขต ประกอบด้วย เขต 1 จ.นครนายก เขต 6 จ.นครราชสีมา เขต 1 จ.เพชรบูรณ์ เขต 1 จ.แพร่ เขต 1 จ.ลำปาง เขต 1 จ.สกลนคร และ เขต 1,2,3 จ.อุดรธานี
   
ครั้งที่ 4 วันที่ 27 ม.ค. 2551 จำนวน 2 เขต 2 จังหวัด ประกอบด้วย เขต 1 จ.ชัยนาท และเขต 1 ปราจีนบุรี
   
ส่วนการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่หลังประกาศผลการเลือกตั้ง ไปแล้ว กกต. ก็ยังสามารถใช้เวลาในการพิจารณาให้ ’ใบเหลือง-ใบแดง“ ได้อีก ภายใน 1 ปี นับแต่ที่ประกาศผลการเลือกตั้ง ซึ่งได้สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่จำนวน 10 เขตเลือกตั้ง 7 จังหวัด โดยเป็นใบแดง 3 เขตและใบเหลือง 7 เขต
   
ตามธรรมชาติของนักการเมืองประเภทซื้อเสียงหรือที่เรา ๆ เรียกกันว่า นักเลือกตั้งนั้น พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้รับชัยชนะ โดยเฉพาะระบบการเลือกตั้งที่เป็น ’เขตเดียวเบอร์เดียว“ ซึ่งจะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ฉะนั้น ยุทธวิธีทุกอย่างจึงถูกนำมาใช้เพื่อช่วงชิงชัยชนะทางการเมือง
   
ถ้าจับได้ก็ ’แพ้ฟาวล์“ ไปแต่ถ้าจับไม่ได้ก็กลายเป็น ’ผู้ชนะ“ ยิ่งท่าทีที่ กกต.ไม่สามารถ ’ควบคุม“ การซื้อเสียงซึ่งรุนแรงในขณะนี้ได้ ยิ่งน่าจะทำให้นักเลือกตั้ง ’ย่ามใจ“ ระดมสรรพกำลัง ’สาดกระสุน“ กันอย่างเต็มที่
   
อีกอย่างคือ การสะท้อนว่า ฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต.ตามไล่ล่าหรือช้ากว่านักเลือกตั้งไป 1 ก้าวเสมอ และยังสะท้อนไปถึง 5 เสือถึงวิธีการทำงาน จริงอยู่ การให้ ’ใบแดง-ใบเหลือง“ แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งถือเป็นมาตรการที่รุนแรง ฉะนั้นหากไร้ซึ่งหลักฐานก็ยากที่จะดำเนินการให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะถูกฟ้องกลับได้ทันที
   
แต่บรรยากาศของการแข่งขันทางการเมืองมีความรุนแรงสารพัด ถามใครก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่า การเลือกตั้งจะเป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนตื่นตัวและเป็นการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม
   
ส่วนหนึ่งจะโทษฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต.อย่างเดียวก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะเคยมีงานวิจัยระบุออกมาว่า แม้ผู้มีสิทธิจะคิดไว้แล้วว่าจะไปเลือกตั้งและเลือกพรรคการเมืองใด แต่ก็พร้อมที่จะ ’ขายสิทธิ“ เลือกตั้ง ตามแนวทางที่ว่า หาก ’กระแส“ มามากเท่าไร ได้ยิง ’กระสุน“ ออกไปโอกาสเข้าเป้าก็มากกว่า แต่ตรงกันข้าม ’กระแส“ ไม่ดีเท่าไรโอกาสพลาดเป้าของ ’กระสุน“ ก็มีเท่านั้น
   
ยิ่งกรรมการอย่าง กกต.มัวแต่ดูหลักฐานและรอบคอบ จนถึงวิจารณ์เช่นนี้ ระยะเวลาที่เหลือ 3 วัน จึงเป็น 3 วันของการปล่อยผีให้มีการ ’ซื้อสิทธิ ขายเสียง“.

ขอขอบคุณรายงานข่าวและภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์