สวัสดีค่ะ
เรื่องราวทวงหนี้ นี้ เกิดเมื่อ ต้น เดือน มีนาคม67 นี้เอง
คือ มีเจ้าหน้าที่ทวงหนี้ ได้โทรไปที่หน่วยงาน ที่ดิฉันทำงานอยู่ โทรถึงฝ่ายบุคคล แจ้งว่า ดิฉัน มีคดีช่อโกง ยักยอกทรัพย์ กำลังจะดำเนินคดีกับดิฉัน เหตุ เนื่องจาก เมื้อ สิบกว่าปีก่อน ดิฉันได้ ทำ บัตรเครดิต แบบรูดผ่อนชำระสินค้า วงเงินหมื่นกว่าบาท
บริษัทที่ ทวงหนี้ ไม่ใช่ บริษัทธนาคารของ บัตรที่ดิฉันเคยรูด ผ่อนสินค้า โดยพนักงานทวงหนี้ กว่าว่า ได้ โอนกรรมสิทธิ์ลูกหนี้ มาจาก บริษัทบัตรเครดิตที่ดิฉันใช้ผ่อน
ตอนหลัง แฟน โทรสอบถาม พนักงาน ทวงหนี้ ได้พูดจา ไม่ค่อยดี ขู่ว่า เหมือนการเช่าซื้อรถ บัตรที่รูดมา เป็นสิ่งของ และสิ่งของนั้น ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท บริษัทสามารถ ยึดของคืน หรือ เรียกร้องเป็น เงินค่าสินค้าได้ หากไม่ชำระ จะดำเนินคดีข้อหา ช่อโกงและ ยกยอกทรัพย์
คำถามคือ
1. บัตร ที่รูดสินค้า รูดแล้ว หากไม่ชำระ เป็น หนี้ เค้า แจ้ง เป็น คดี อาญา เลยหรอค่ะ ดิฉัน รูดซื้อของ หมื่นกว่าบาท ตอนแรก ได้ทำงานก็ใช้หนี้ ผ่อนชำระ พอหลังตกงานเลย ขาดผ่อนนาน จนเวลาล่วงเลย มาเป็น สิบกว่าปี
2. การที่ เจ้าหน้าที่ หรือ พนักงานทวงหนี้ โทรไปทวงหนี้กับ บริษัทหน่วยงาน ต้นสังกัดดิฉัน ที่ฝ่ายบุคคล และ บอกว่าดิฉัน มีคดี กำลังจะดำเนินการ แจ้งความ เรื่องช่อโกง ยักยอกทรัพย์ อันเนื่องมาจาก การที่ใช้บัตรเครดิต ของตัวเอง ไปรูด สินค้า และ ขาดผ่อน อยู่ๆ ผ่านมาสิบกว่าปี มีเจ้าหน้าที่ ทวงหนี้ โทรเข้าไปที่ หน่วยงานของดิฉัน และ บอกว่าดิฉัน มีคดี อาญาช่อโกง ส่วนตัวดิฉัน มองว่าแรง และ เหมือนเป็นการประจาน ดิฉัน ในหน่วยงานที่ดิฉันทำงานอยู่ค่ะ
ตอนหลัง ดิฉัน ได้ ส่งไฟล์ คู่สัญญาที่เค้ารับโอนกรรมสิทธิ์จาก บริษัทเจ้าของบัตร ผ่านช่องทาง LINE Official บริษัทที่ทวงหนี้ ปรากฏว่า เป็น เอกสารจริงจาก บริษัท และ บริษัทนี้ เป็น บริษัทติดตามทวงถามหนี้ บริษัทใหญ่ บริษัทดัง อีกด้วย อยากปรึกษาทนายว่า บริษัทองค์กรใหญ่ ที่ดำเนินธุรกิจทวงหนี้ เขามีวีธี ทวงหนี้ แบบนี้ถูกต้องด้วยหรือค่ะ มันเครียดมากๆค่ะ ที่เค้าพูดกับ หน่วยงานดิฉันอย่างนี้ อับอาย และ ตกใจ ค่ะ