ศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี
คดีแพ่ง
จำนวนทุนทรัพย์ 299,700.00 บาท (สามแสนเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยบาทถ้วน)
ข้อ ๑. โจทก์เป็นผู้มาขอใช้บริการเสริมความงามใบหน้าด้านการปรับโครงหน้าเรียว และลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ด้วยการฉีดสาร Botox และ Filler
ข้อ ๒. เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2555 เวลาประมาณ 14.30 นาฬิกา โจทก์เข้ารับคำแนะนำจากและรับการรักษากับ พญ.สิริลาวัลย์ สำนักนิตย์ ซึ่งเป็นแพทย์เวร ตัวแทนการรักษาพญาบาลของจำเลย และได้ตกลงรับการแก้ไขโครงหน้าเพื่อปรับให้โครงหน้าเรียวเล็กลง รวมถึงกระชับรอยย่นบนหน้าผากและร่องแก้ม ซึ่งขั้นตอนการรับการรักษา พญ.สิราวัลย์ ให้ผู้ช่วยพยาบาลทำการทายาชาปิดลงที่ผิวหน้าโจทก์รวมเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที แล้วเช็ดยาชาออกใบหน้าโจทก์หลังการเช็ดยาชาแล้ว ผิวหน้ามีลักษณะแดงช้ำตามรอยที่ได้รับยาชา แล้ว พญ.สิราวัลย์จึงทำการฉีดสาร Botox และ Filler บนใบหน้าให้และนัดพบหลังจากวันเข้ารับการรักษา 2 สัปดาห์
ระหว่างช่วงวันที่ 19-23 กรกฎาคม 2555 ผิวหน้าที่มีลักษณะแดงช้ำเริ่มจางลง และมีอาการผิวตึง และระหว่างวันที่ 24-31 กรกฎาคม 2555 ผิวหน้าบริเวณดังกล่าวมีลักษณะไหม้ ดำคล้ำ (ซึ่งรวมเวลาได้ 2 สัปดาห์) โจทก์ เข้าพบ พญ.สิริลาวัลย์ อีกครั้งพร้อมทั้งได้รับคำมั่นสัญญาว่าผิวหน้าจะหายเป็นปกติภายใน 1 เดือน และจะทำการรักษาฟรีด้วยการรับเป็นคนไข้พิเศษ ด้วยขั้นตอนที่ดีที่สุดที่จำเลยมี
และขั้นตอนการรักษาคือ โจทก์ต้องไปรับการรักษาที่นิติพลคลินิก (สาขางามวงศ์วาน) ทุกวัน เพื่อรับการฉีดสาร VIT-C และ WT ชนิดละ 1 เข็ม ทุกวัน รับการรักษาผิวหน้าด้วยขั้นตอนปั่นยาบนลงผิวหน้า ทุกวัน (ครั้งละประมาณ 1ชั่วโมง 30 นาที) และทำเลเซอร์เพื่อรักษารอยดำ (สัปดาห์ละ 1 ครั้ง , ครั้งละประมาณ 30-40 นาที) พร้อมทั้งรับยาทารักษา
และประมาณวันที่ 5 กันยายน 2555 ผู้จัดการทางคลินิกฯ แจ้งว่า พญ.สิริลาวัลย์ ได้ลาออกไปแล้วอย่างกะทันหัน และยังไม่มีแพทย์ผู้ชำนาญการรักษาด้วยเลเซอร์ โจทก์จึงขอหยุดรับการรักษา ด้วยข้อกล่าวหาดังนี้
1. หลอกลวงให้เชื่อว่าจะสามารถทำการรักษาให้ผิวหน้าหายได้ภายใน 1 เดือน (2-31 สิงหาคม 2555)
2. หมดความเชื่อถือด้านความชำนาญในการรักษา จนทำให้ผิวหน้าโจทก์มีตำหนิ เป็นรอยไหม้ทั่วบริเวณผิวหน้าซึ่งสาเหตุมาจากตัวยาชาของจำเลย
3. เชื่อว่าตัวยาของทางคลินิกฯ ไม่มีคุณภาพในการใช้รักษา
4. เชื่อว่าอุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ ที่จำเลยใช้รักษา เช่นเครื่องเลเซอร์ ขาดประสิทธิภาพ
5. เชื่อผู้แทนการรักษาพยาบาลของจำเลย ยังไม่ชำนาญในการรักษาผู้มาขอใช้บริการ
ข้อ ๓. ในวันเข้ารับการรักษาครั้งแรกของโจทก์เพื่อทำการปรับโครงหน้าและลดรอยย่นผิวหน้านั้น พญ.สิริลาวัลย์ ให้เพียงข้อมูลค่าใช้จ่าย เป็นจำนวนเงิน 25,000.00 บาท (สองหมื่นห้าพันบาทถ้วน) แต่โจทก์ต้องชำระเพิ่มอีก 5,000 บาท เป็นค่าครีมบำรุง ซึ่งไม่ได้ทำการอธิบายไว้แต่แรก รวมเป็นเงินที่ต้องชำระในวันนั้น 30,000.00 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน)
๓.๑ ผลจากที่จำเลยได้กระทำก่อให้เกิดความเดือดร้อน รำคาญต่อโจทก์ ทำผิวหน้าโจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นลักษณะอาการผิวหน้าไหม้คล้ายแผ่นฝ้าหนา ลักษณะผิวหน้าหยาบรายละเอียดปรากฏตามภาพ เอกสารแนบท้าย ซึ่งทำให้โจทก์ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไป/กลับวันละ 600 บาท เป็นเวลา 40 วัน รวมเป็นเงินจำนวน 24,000.00 บาท (สองหมื่นสี่พันบาทถ้วน)
๓.๒ หลังจากผลการรักษาการปรับโครงหน้าและลดรอยย่นผิวหน้า ของโจทก์ได้รับความเสียหายบนใบหน้าทำให้เกิดความอับอาย จนไม่สามารถออกปฏิบัติงานได้อย่างปกติ ซึ่งโจทก์ประกอบอาชีพเจ้าของกิจการส่วนตัว ประเภทนายจ้างแรงงานต่างด้าว ซึ่งต้องติดต่องานโดยตรงกับลูกค้าซึ่งต้องใช้ภาพพจน์บุคลิก ลักษณะดูดี น่าเชื่อถือ รวมถึงโจทก์เป็นผู้มีการศึกษาในระดับชั้นปริญญาโท จึงมีกลุ่มสังคมซึ่งอาจก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกิจการ เมื่อโจทก์ไม่สามารถออกพบลูกค้า และพบปะสังคมได้ดังกล่าว โจทก์ จึงขอเรียกค่าขาดประโยชน์ในส่วนนี้วันละ 1,820.00 บาท นับแต่วันแรกที่นิติพลคลินิก (สาขางามวงศ์วาน) ทำการรักษา (วันที่ 18 กรกฎาคม 2555 ) เป็นต้นไปจนถึงวันฟ้อง เป็นเวลา 135 วัน รวมเป็นเงินจำนวน 245,700 บาท (สองแสนสี่หมื่นห้าพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)
๓.๓ ผลจากการที่ผิวหน้าได้รับความเสียหายนี้โจทก์ไม่สามารถเข้ารับการรักษาจากสถานพยาบาลอื่นได้จึงขอให้ทางนิติพลคลินิกออกใบรับรองแพทย์ให้ เพื่อที่โจทก์จะได้มีโอกาสเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลอื่นต่อไป รวมถึงขอเรียกร้องให้ทางจำเลยรับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายการรักษาผิวหน้าของโจทก์ในอนาคตจนกว่าผิวหน้าของโจทก์จะหายเป็นปกติ
รวมเป็นต้นเงินที่จำเลยต้องชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์จำนวน 299,700.00 บาท (สองแสนเก้าหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน)
โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับเอากับจำเลยได้ จึงต้องนำคดีมาฟ้องเพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
คำขอท้ายฟ้องคดีผู้บริโภค
ขอศาลได้โปรดออกหมายเรียกจำเลยมาพิจารณาพิพากษาและบังคับจำเลยตามคำขอต่อไปนี้
๑. ให้จำเลยชำระเงิน แก่โจทก์จำนวน 299,700.00 บาท (สองแสนเก้าหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยบาทถ้วน) นับถัดจากวันฟ้อง
๒. ให้จำเลยออกเอกสารใบรับรองแพทย์ให้แก่โจทก์ เพื่อให้โจทก์ได้นำไปใช้รับการรักษาผิวหน้าต่อไปกับสถานพยาบาลแห่งอื่นต่อไป
๓. ให้จำเลยออกค่ารักษาผิวหน้าแก่โจทก์ โดยโจทก์จะเลือกหาสถานพยาบาลเองจนผิวหน้าของโจทย์จะหมดซึ่งปัญหารอยตำหนิ
ข้าพเจ้ายื่นมาพร้อมสำเนาโดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกันมาด้วย _____35_____ฉบับ
_________________________________________
เหตุเกิดขึ้นเพราะความอยากสวยของข้าพเจ้าเอง และหลังจากนี้ข้าพเจ้าไม่อาจจะรู้ได้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป (ข้อความข้างต้นข้าพเจ้าส่งข้อมูลให้ทางศาลแขวงจังหวัดนนทบุรีทำการเรียบเรียงให้อีกครั้งเพื่อยื่นฟ้อง)
คำบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่ซึ่งยากกับการยอมรับการสันนิฐานการพิจารณาเรื่องข้าพเจ้าไม่อาจจะฟ้องเรียกค่าสินไหมตามจำนวนดังกล่าวได้ เนื่องจากข้าพเจ้าไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นดารา นักร้อง พริตตี้ ซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจมั่นใจว่าความเีสียหายที่ผิดหน้าของหญิงสาวมีมาตรฐานการเรียกร้องต่างกัน ข้าพเจ้ามีการศึกษาที่ดีเพียงพอ มีกลุ่มสังคมที่ไม่ถือว่ายำแย่ มูลค่าการเรียกร้องเพียงแค่ความเสียหาย อับอาย ไม่อาจจะเรียกร้องได้เพราะบรรทัดฐานการเรียกร้องนั้นอยู่ที่การทำงานเท่านั้นจริงๆ หรือ ไม่ได้เป็นดารา นักร้อง พริตตี้ แต่เกิดเป็นผู้หญิงธรรมดา ประกอบกิจการส่วนตัว กลับเป็นเสมือนผู้หญิงที่ไร้คุณค่าจริงๆ หรือ
ขอบขอบพระคุณที่ท่านได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้
kitirat