ลูกหนี้ผิดนัด เจ้าหนี้ติดตามทวงถามตามสัญญา ระยะเวลาการชำระหนี้ย่อมเป็นไปตามสัญญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1189/2566
จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ไม่เป็นไปตามกำหนดระยะเวลาในสัญญาและโจทก์คิดค่าธรรมเนียมการชำระหนี้ล่าช้าจากจำเลยที่ 1 รวมไปถึงโจทก์ยังคงติดตามทวงถามให้จำเลยที่ 1 ผู้กู้กับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ต้นเงินพร้อมเบี้ยปรับกับหนี้สินค้างชำระตามสัญญาล้วนเป็นข้อแสดงว่าโจทก์ยังคงยึดถือกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ตามสัญญาเป็นสาระสำคัญ เมื่อจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ครั้งสุดท้ายวันที่ 25 สิงหาคม 2561 แล้วไม่ชำระหนี้ที่ถึงกำหนดชำระของงวดวันที่ 17 กันยายน 2561 จำเลยที่ 1 ย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2561 เป็นต้นไป มิใช่โจทก์ไม่ถือข้อตกลงเกี่ยวกับระยะเวลาชำระหนี้เป็นสาระสำคัญ
ภายหลังจากวันที่ 18 กันยายน 2561 ซึ่งจำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระหนี้ โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวฉบับลงวันที่ 31 ตุลาคม 2561 ส่งไปยังจำเลยที่ 2 และที่ 3 ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 และวันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 ตามลำดับ โดยส่งไปยังที่อยู่ของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่ระบุไว้ในสัญญาค้ำประกันแม้ไม่พบจำเลยที่ 2 และที่ 3 หรือไม่มีผู้ใดรับไว้ ก็ถือว่าหนังสือบอกกล่าวได้ไปถึงจำเลยที่ 2 และที่ 3 อันมีผลเป็นการบอกกล่าวแก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้ค้ำประกันภายในระยะเวลาหกสิบวันนับตั้งแต่จำเลยที่ 1 ผิดนัดชำระหนี้โดยชอบแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 686 วรรคหนึ่ง จำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกันต้องร่วมกันรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์
โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้ค้ำประกันให้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ผู้กู้รับผิดต่อโจทก์หรือไม่ เพียงใด เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเพียง 200 บาท
#ปรึกษาคดี โทร.02-9485700, 081-8217470, 081-6252161