การครอบครองปรปักษ์คดีบ้านอากู๋ ทัวร์ลงจนต้องถอนคำร้อง
ผมทนายเดชา วันนี้จะนำเรื่องราวเกี่ยวกับคดีครอบครองปรปักษ์คดีบ้านอากู๋มาเล่าให้ฟังนะครับ คดีนี้เป็นคดีที่แปลกมาก อยู่ดีๆ ก็มีคนข้างบ้านบุกรุกเข้ามาในบ้านทาวเฮ้าส์และตัดกุญแจและเข้ามาอยู่เป็นเวลา 6 ปีติดต่อกัน ไม่ถึง 10 ปี หลังจากนั้นหลานชายอากู้เมื่อทราบเหตุก็ไปแจ้งความจับ 5 คน ในข้อหาร่วมกันบุกรุก ลักทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ หลังจากนั้นต่อมาอีก 2-3 เดือน กลุ่มบุคคลดังกล่าวก็ได้เข้ามาในบ้านของอากู๋อีกครั้ง และก็มาตัดกุญแจอีกครั้งหนึ่ง และก็ย้ายเข้ามาอยู่พร้อมติดประกาศหน้าบ้านว่า บ้านอากู๋นั้นตกเป็นของตนเองแล้ว หากใครบุกรุกเข้ามาก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย อากู๋เลยเครียดมาปรึกษาทนายเดชา ทนายเดชาไปปรึกษานักข่าว หลังจากนั้นก็ไปแจ้งความที่สน.โคกคราม นำผู้สื่อข่าวและตำรวจมาเป็นพยานและก็ตัดกุญแจกลับเข้ามาอยู่เหมือนเดิม ยึดบ้านคืนมาได้และเอาป้ายไก่ทอดออกไปแล้วเปลี่ยนเป็นป้ายห้ามเข้าแทน และคดีนี้ก็มีการร้องครอบครองปรปักษ์โดยฝ่ายผู้ร้องก็อ้างว่าได้ครอบครองมาเกิน 13 ปี แต่พยานหลักฐานที่ปรากฎในสำนวนทางกลูเกิ้ลเอิร์ทมีหลักฐานเพียงแต่ว่า ครอบครองมา 6 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นผ่านมา 6 ปี
ต่อมาก็มีผู้บุกรุกท่านหนึ่งก็เสียชีวิตไป ก็ทำให้ทางฝ่ายผู้บุกรุกนั้นเบาลง และมีการเจรจาและต่อมาในวันที่ 1 มีนาคม 2567 ทางคุณศรีพรรณผู้ครอบครองปรปักษ์ก็ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำร้องครอบครองปรปักษ์ไม่ติดใจที่จะยึดบ้านพร้อมที่ดินของอากู๋แล้ว หลังจากนั้นก็จะมีกระบวนการเจรจากันต่อไป ส่วนคดีอาญาก็คงดำเนินการกันต่อไป
การบุกรุกบ้านบุคคลอื่นนั้นจะได้กรรมสิทธิ์นั้นจะต้องเป็นกรณีที่ครอบครองติดต่อกันมาเป็นเวลา 10 ปี ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นการอยู่แบบชั่วครั้งชั่วคราวจะไม่ได้สิทธิครอบครองปรปักษ์ (อ้างอิงคำพิพากษาฎีกาที่ 13900/2557)
คำพิพากษาฎีกาที่ 13900/2557
การที่จำเลยผู้ให้กู้ ยอมรับเอาที่ดินเป็นการชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม โดยไม่คำนึงถึงราคาท้องตลาด แห่งที่ดินในเวลา และสถานที่ส่งมอบ เป็นการขัดต่อ ป.พ.พ. มาตรา 656 วรรคสองและตกเป็นโมฆะตามวรรคสามก็ตาม แต่หากฟังได้ว่าลูกหนี้ส่งมอบที่ดินให้แก่จำเลยเพื่อชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืม จากนั้นจำเลยได้ครอบครองที่ดินโดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี #จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามมาตรา 1382 หาใช่ว่าเมื่อมีการส่งมอบที่ดินเพื่อชำระหนี้แทนเงินที่กู้ยืมซึ่งตกเป็นโมฆะแล้ว การครอบครองที่ดินของจำเลยจะถือเป็นเพียงการครอบครองแทนลูกหนี้เพื่อประกันการชำระหนี้แต่อย่างใดไม่
แต่ถ้ามีการสละกรรมสิทธิ์ เช่น ยอมออกจากบ้านไปแล้วและกลับเข้ามาครอบครองใหม่นั้นก็จะไม่ได้กรรมสิทธิ์ (อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7382/2548)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7382/2548
จำเลยได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของนานเกินกว่า 10 ปี ต่อมาเมื่อปี 2535 จำเลยขอรังวัดที่ดินของตนซึ่งมีแนวเขตติดต่อกับที่ดินของ ก. จำเลยไม่ได้โต้แย้งว่าที่ดินพิพาทเป็นของตนเองโดยการครอบครองปรปักษ์ ทั้งยังยอมรับว่าที่ดินพิพาทไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของตนเอง แต่อยู่ในเขตโฉนดที่ดินของ ก. จึงถือได้ว่าจำเลยได้สละเจตนาครอบครองที่ดินพิพาทแล้ว และแม้จำเลยจะครอบครองที่ดินพิพาทมาก่อนเป็นเวลาเกิน 10 ปี ที่จำเลยอาจได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 แล้วก็ตาม ถือได้ว่าจำเลยได้สละกรรมสิทธิ์ที่ได้มาดังกล่าวให้แก่ ก. แล้ว และการครอบครองที่มีมาก่อนดังกล่าวย่อมสิ้นสุดลง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377 การครอบครองที่ดินที่จะเป็นเหตุให้จำเลยได้กรรมสิทธิ์ใหม่ได้อีกจึงต้องเริ่มต้นนับใหม่ตั้งแต่วันที่จำเลยได้ครอบครองที่ดินใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหากจะถือว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินใหม่ทันทีหลังจากที่ได้รับรองแนวเขตเป็นต้นไป แต่เมื่อนับถึงวันฟ้องแล้วไม่ครบ 10 ปี จำเลยจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์อีก
และการนับระยะเวลานั้นได้มีคำพิพากษาฎีกาที่ผ่านมาวางหลักเกณฑ์ไว้ว่ามีลักษณะเป็นการครอบครองต่อเนื่อง เช่น ฎีกาที่ 6147/2554 เป็นต้น
คำพิพากษาฎีกาที่ 6147/2554
ถึงแม้จำเลยจะได้ครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่วันที่จำเลยซื้อที่ดินแปลงอื่นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2530 เป็นต้นมาก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2533 บริษัท ค. ซื้อที่ดินมีโฉนดแปลงพิพาทจากเจ้าของเดิมโดยจดทะเบียนซื้อขายและเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต จำเลยจึงไม่อาจอ้างสิทธิการครอบครองปรปักษ์ในช่วงระยะเวลาก่อนหน้านั้นขึ้นอ้างยันต่อบริษัท ค.ได้ ทั้งนี้ เป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง การนับระยะเวลาครอบครองปรปักษ์ของจำเลยจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2533 เป็นต้นมา ซึ่งนับถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้คือวันที่ 31 ตุลาคม 2543 ยังไม่ครบระยะเวลา 10 ปี จำเลยจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382
การครอบครองปรปักษ์บ้านนั้นไม่เคยเกิดขึ้นในวงการกฎหมาย คดีนี้เป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์อะไรก็เกิดขึ้นได้ ฝากไปยังผู้ที่คิดจะไปยึดบ้านบุคคลอื่นนั้นต้องระวังนะครับว่าจะต้องสุจริต มิฉะนั้นจะทัวร์ลงแบบคดีบ้านอากู๋ การให้คำปรึกษาทางกฎหมายนั้น คุณธรรมต้องนำกฎหมาย จากทนายเดชา