พาชู้มานอนบ้าน
เคสนี้เป็นชายหนุ่มโทรศัพท์มาหานักสืบกุ้ง ปลายทางเสียงไม่ชัด ขณะที่พูดคุยก็ฟังไม่รู้เรื่อง เหมือนคนลิ้นไก่สิ้น คุยไปหลายประโยคก่อนที่เข้าเรื่อง ชายหนุ่มมีนามว่าคุณมาโนช “ขอโทษนะคะคุณมาโนช ดิฉันฟังไม่รู้เรื่องอ่ะค่ะ” “ขอโทษครับ ผมเป็นอัมพาต” “ ออ..ขอโทษค่ะ มีอะไรให้รับใช้ค่ะ” มาโนชเล่าให้ดิฉันฟังว่า “ผมป่วยอัมพาตเนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อปีก่อน รักษาจนดีขึ้น ไปไหนมาไหนต้อง นั่งวีลแชร์ตลอด ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้ ” “ได้ค่ะงั้นค่อย ๆเล่าก็ได้ค่ะ” กว่าจะแปลภาษาไทยออก จะปรึกษาเรื่องภรรยา เรื่องราวมีอยู่ว่าภรรยาชอบปฏิบัติธรรม ต้องไปค้างที่วัดบ่อย ๆ ทุกครั้งที่ภรรยาไม่อยู่เธอก็หาแม่บ้านมาคอยช่วยดูแลคุณมาโนช หลังจากนั้นภรรยาบอกกับมาโนชว่า จะขออนุญาตนำเพื่อนชายคนหนึ่งที่รู้จักกันที่วัด ขอพามาพักอยู่ที่บ้านด้วยโดยให้เหตุผลว่า เพื่อนชายคนนี้ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ถูกครอบครัวขับไล่ไม่ให้อยู่บ้านเพราะกลัวติดเชื้อ เขาจึงไปอาศัยวัด เธอเห็นแล้วสงสารมากจึงชักชวนให้มาอาศัยอยู่ด้วยกันที่บ้าน คุณมาโนชก็ไม่เต็มใจนัก เพราะไม่รู้ว่าไว้ใจได้แค่ไหน ที่บ้านมีคนแก่อีก 2 คน พิการอีก 1 คน ลูกสาวอายุ 2 ขวบ 1 คน แต่ขัดภรรยาไม่ได้กลัวเธอโกรธเดี๋ยวไม่มีคนช่วยดูแลคนในครอบครัว จึงอนุญาต ชายคนนั้นก็หอบเสื้อผ้าข้าวของมาพักอาศัยกินนอนอยู่ที่บ้านด้วย ระหว่างที่เพื่อนชายของภรรยาพักอาศัยอยู่ที่บ้านด้วยกัน เพื่อนชายของภรรยาก็ทำหน้าที่พาคุณปู่คุณย่าไปตลาด ไปหาหมอ และพาภรรยาออกไปทำธุระพร้อมบุตรสาว เสมอ ดูลักษณะไม่เห็นเหมือนคนป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายเลย จนกระทั่งวันหนึ่งมีผู้หญิงโทรศัพท์มาที่บ้าน “ขอคุยกับสามีของแหม่มหน่อย” ชื่อของภรรยา ทางคุณปู่รับสายบอกว่าสามีเขาคุยไม่ได้ป่วยอยู่ คุยกับปู่ได้เลย คุณปู่จับความได้ว่า หญิงคนที่โทรมาบอกให้แหม่มเลิกคบกับสามีเธอ เธอเป็นภรรยาจดทะเบียนสมรสกันเพื่อนชายของแหม่ม เธอมีอาชีพเป็นครู มีบุตรด้วยกัน 2 คน และเธอได้เล่าประวัติครอบครัวให้ฟังให้คุณปู่ “ว่าสามีเป็นผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง เพิ่งขอเกษียณออกมาได้ 2 ปี ชอบปฎิบัติธรรม ไปนอนค้างที่วัดปล่อยครั้ง อยู่ดี ๆ ก็หอบผ้าออกจากบ้านบอกว่าจะไปอยู่วัด ทางครอบครัวก็ไม่ได้ท้วงติง เห็นดีเห็นงามด้วย เพราะจะบุญกุศลไปด้วย ก็ได้อนุโมทนากับสามีด้วย เวลาผ่านก็ไม่เคยสงสัยอะไรเลย ก็คิดว่าสามีไปอยู่วัดตามที่บอก เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นวันเกิดของสามี บังเอิญไปเห็นภาพในเฟสบุ๊คของผู้หญิงชื่อแหม่ม ที่โพสต์และแท็กมาที่เฟสบุ๊สามีของเธอ เป็นภาพถ่ายตักบาตรพระมีภาพหญิง เด็กผู้หญิง 1 คน และรูปหน้าสามีเธอ ลักษณะถ่ายเหมือน 3 คนพ่อแม่ลูก และโพสต์ว่า “วันนี้วันเกิดคุณสา เราจะรักกันตลอดไป” เธอเห็นก็ตกใจ งง! คิดว่าตาฝาดหรือเปล่า ก็ให้ลูกๆและญาติหลายคนดู ก็ยืนยันว่าคนในภาพนั้น เป็นสามีเธอแน่นอน ทุกคนภาพถ่ายในเฟสบุ๊คก็ต้องคิดว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นสามีของหญิงคนในภาพถ่าย เธอจึงได้พยายามสืบจนรู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ชื่อแหม่ม และมีครอบครัวแล้ว เธอได้เบอร์บ้านจึงโทรมาคุยขอคุยกับสามีของแหม่ม คุณมาโนชไม่สามารถคุยโทรศัพท์เองได้ จึงได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากคุณปู่หรือพ่อตัวเอง และเธอบอกให้มาโนชแยกภรรยาออกไปซะ มาโนชได้ฟังแบบนั้นก็เครียดมาก ถ้าจะถามภรรยาเธอคงไม่ยอมรับแน่ เพราะปกติภรรยาเป็นคนดื้อมากถ้าไม่มีหลักฐานอะไร ไปพูดกับเธอ ไม่มีทางยอมรับ จึงต้องการให้นักสืบติดตามดูพฤติกรรมของภรรยา ว่าเขาและเพื่อนชายไปที่ไหน ทำอะไรบ้างนอกบ้าน เพราะเธอชอบอ้างทุกครั้งที่จะออกนอกบ้าน บอกว่าไปทำบุญที่วัด หลังจากฟังเรื่องราวก็รู้สึกเห็นใจคุณมาโนช ดิฉันตกลงรับงานที่จะติดตามดูพฤติกรรมของเธอให้ถ้าได้หลักฐานก็พอ หลังจากนั้นดิฉันก็ได้วางแผนให้ทีมกุ๊กไก่ ไปเฝ้าที่ปากซอยหมู่บ้านของเธอ ทุกครั้งที่เธอและเพื่อนชายหนุ่มออกจากบ้านเธอจะพาลูกสาววัย 2 ขวบไปด้วยเสมอ นี่เป็นเหตุผลที่เธอใช้ไว้ตบตาสามีหรือไม่ ทุกครั้งเธอออกจากบ้านไม่ได้ไปทำบุญทุกครั้ง บางครั้งพาลูกสาววัย 2 ขวบ ไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า กิริยาการแสดงออกบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ คนที่เดินผ่านไปมาหรือพบเห็น มองดูแล้วเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน พ่อแม่ลูก รวมทั้งนักสืบก็คิดเช่นนั้น นักสืบกุ๊กไก่เก็บหลักฐานได้มากพอแล้ว รวบรวมส่งคุณมาโนช มาโนชบอกให้เอาใส่ซองปิดให้มิดชิด ไปฝากไว้ที่คุณปู่ ห้ามเอาคนอื่นเป็นเด็ดขาด วันไหนที่เธอพาเพื่อนชายไปข้างนอก มาโนชก็จะส่งซิกมาว่า เอาเอกสารข้อมูลไปไว้ที่คุณปู่ เมื่อมาโนชได้เห็นภาพถ่ายก็ได้แต่ปลง เขาบอกว่าจะรอจนกว่าภรรยาจะเข้าบ้าน และพูดคุยกับเธอเรื่องนี้ เธอกลับมาพร้อมเพื่อนชายและลุกสาว เพื่อนชายไม่ยอมห่างเธอ มาโนชจึงคุยพูดพร้อมกันสามคน เธอได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดอะไร เมื่อความแตกแล้ว ฝ่ายชายได้พูดว่า “ผมขอผู้หญิงคนนี้เถอะ ผมรักแหม่มมาก ผมขอใช้ชีวิตกับแหม่ม ..คุณดูแลแหม่มและลูกไม่ได้ ผมขอดูแลเอง” ว่าไปนั่น มาโนชฟังแล้วเครียดพูดไม่ออก ในใจก็คิด “จริงของเขา เพราะเราป่วยเป็นอัมพาต ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แล้วจะดูแลใครได้” ช็อค...อะไรกัน เป็นอัมพาตว่าเจ็บปวดแล้ว เจอภรรยาเอาชู้มาเอากันในบ้านอีก ได้แต่ร้องไห้ข้างในมันเจ็บปวด แต่ทำอะไรไม่ได้ ภรรยาเป็นคนดูแลครอบครัวทุกอย่าง เขาคิดในใจว่า จะต้องอยู่แบบสามคนผัวเมียหรืออย่างไร มาโนช ยังไม่ได้พูดอะไร จะยกเมียให้เพื่อนชายเมียหรือไม่ ได้แต่นิ่ง ถ้าบอกไม่ยอมเขาก็ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น แล้วคนแก่ที่บ้านอีกละ แล้วลูกสาวต้องไปอยู่กับพ่อเลี้ยง ตอนแรกที่จะคุยกับภรรยาก็คิดว่าจะให้ภรรยาเลิกคบกับเพื่อนชาย ที่ไหนได้ผิดแผน เพื่อนชายของเมียดันมาขอเมียตัวเอง เขาบอกขอเวลาคิด และโทรปรึกษากับดิฉันว่า ทางกฎหมายผมฟ้องชู้หรือไม่ “ได้ค่ะ” ตามกฎหมายเลยนะคะ แต่ตัดสินใจให้ดีค่ะ แล้วเราจะอยู่อย่างไร เฮ้ย! ทุกปัญหามีทางออก มีปัญหาปรึกษานักสืบกุ้งได้ค่ะ