งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ
ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ
สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ
รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ
เรียกค่าส่วนต่างไม่ได้ เรียกได้เฉพาะค่าชำรุดบกพร่อง
#ขาดราคา #ชำรุดบกพร่อง #ค่าสินไหมทดแทน #ค่าส่วนต่างจากการขายทอดตลาด
คำพิพากษาฏีกาที่ 3525/2567
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดโดยอาศัยอำนาจแห่งมูลหนี้ตามคำพิพากษาของศาลในคดีก่อนที่พิพากษาให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต้องคืนรถที่เช่าซื้อในสภาพที่เรียบร้อยใช้การได้ดี เมื่อรถที่เช่าซื้อคืนโจทก์ไม่อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยใช้การได้ดี จึงเป็นการชำระหนี้ที่ไม่ต้องตามความประสงค์อันแท้จริง แห่งมูลหนี้ตามคำพิพากษาในคดีก่อน โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายอันเกิดแต่การนั้นก็ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 215 อันเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นใหม่ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ชำระค่าเสียหายตามฟ้อง
ค่าขาดราคารถที่คำนวณจากส่วนต่างของเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด กับราคารถใช้แทนตามคำพิพากษาในคดีก่อน ไม่อาจใช้เป็นข้อพิสูจน์ถึงความชำรุดของรถได้เพราะมิใช่ความเสียหายที่แท้จริงอันเกิดจากความชำรุดทรุดโทรมของรถที่เช่าซื้อที่เกิดจากการใช้รถโดยปราศจากความระมัดระวังเยี่ยงวิญญูชนพึงใช้ เช่นนี้ ค่าขาดราคารถมิใช่ค่าเสียหาย อันเนื่องจากการคืนรถที่เช่าซื้อที่ไม่อยู่ในสภาพเรียบร้อยและใช้การได้ดี ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต้องรับผิดตามคำพิพากษา ในคดีก่อน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดราคาได้
แม้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ขาดนัดยื่นคำให้การ แต่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีโดยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การมิได้ เว้นแต่ศาลเห็นว่า คำฟ้องของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมายตาม ป.วิ.พ. มาตรา 198 ทวิ โจทก์อ้างส่งบันทึกการตรวจสภาพและส่งมอบรถยนต์ และภาพถ่ายรถยนต์ที่ส่งคืน ซึ่งปรากฏว่า รถที่เช่าซื้อมีสภาพชำรุดและได้รับความเสียหายหลายรายการ เช่น กระจังหน้ารถ ไฟหน้า ไฟเลี้ยว กระจังบังลมหน้ารถ และไม่มีฝาปิด กระบะท้ายรถ ดังนั้น ฟ้องโจทก์มีมูลว่า รถที่เช่าซื้อที่โจทก์ได้คืนมานั้นมีความชำรุดบกพร่องที่เกิดจากการใช้รถโดยปราศจากความระมัดระวังเยี่ยงวิญญูชนพึงใช้ แม้โจทก์มิได้นำสืบว่า การซ่อมแซมรถที่เช่าซื้อให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยใช้การได้ดีนั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเท่าใด ศาลฎีกาเห็นควรกำหนดค่าเสียหายอันเนื่องจากการคืนรถที่เช่าซื้อไม่อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยและใช้การได้ดีให้
หนี้ที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นค่าสินไหมทดแทนที่ศาลกำหนดค่าเสียหายตามคำพิพากษาในคดีก่อนที่จำเลยทั้งสามต้องผูกพันรับผิดร่วมกันจนกว่าชำระหนี้เสร็จสิ้น โดยจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ตามคำพิพากษาคดีก่อนต้องผูกพันชำระหนี้เป็นอย่างเดียวกับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษา ให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 245(1) , 252 ประกอบ พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 7
(หมายเหตุ 1 คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 โดยให้เหตุผลว่า โจทก์ไม่ได้มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปยังจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้ค้ำประกันหลังจากจำเลยที่ 1 ผิดนัด เป็นการไม่ปฏิบัติตาม ป.พ.พ. มาตรา 686 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ไม่ได้ฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกัน ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และที่ 3 จึงไม่ชอบ
2 ในคดีก่อน ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถที่เช่าซื้อในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดีแก่โจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาเป็นเงิน 480,000 บาท หากจำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากส่งมอบคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน 480,000 บาท ต่อมาจำเลยทั้งสามส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนโจทก์ โจทก์นำออกขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้ จึงมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้)
มีปัญหากฎหมาย สอบถามได้ที่ 02-9485700,081-6161425,081-6252161