งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ
ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ
สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ
รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ
รวมคำพิพากษาศาลฎีกาคดีแรงงาน/ย่นขยายระยะเวลาอุทธรณ์
ลูกจ้างหรือนายจ้างที่แพ้คดีในศาลอุทธรณ์ อาจจะมีนับระยะเวลาในการยื่นอุทธรณ์หรือคำแก้อุทธรณ์ผิดพลาดได้ เพราะศาลแรงงานมักจะใช้วิธีการปิดหมายและให้ถือว่า มีผลทันทีที่รับหมาย เช่น กำหนดเวลาให้แก้อุทธรณ์ภายใน 7 วัน หรือ 15 วัน เป็นต้น ถึงแม้จะปิดหมาย แต่ต้องยื่นคำแก้ภายในกำหนดเวลา โดยไม่อาจนำ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 23 มาใช้บังคับ เพราะ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 26 มีการกำหนดใช้โดยเฉพาะ ดังนั้น ลูกจ้างหรือนายจ้างต้องระมัดระวัง มิฉะนั้นจะเสียสิทธิ์ในการอุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์ได้ แต่ถึงอย่างไร ยังมีคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ยินยอมให้ลูกจ้างและนายจ้างสามารถยื่นอุทธรณ์หรือยื่นคำแก้อุทธรณ์ได้ ถึงแม้จะเลยกำหนดระยะเวลาที่ศาลแรงงานกำหนด
ท่านใดมีข้อสงสัยเกี่ยวกับคดีแรงงานและต้องการทนายคดีแรงงาน โทรหา อ.เดชา กิตติวิทยานันท์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและวิทยากรด้านแรงงาน โทร.02-948-5700 , 081-912-5833
ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับการย่น-ขยาย ระยะเวลาในการอุทธรณ์/แก้อุทธรณ์/ การขอพิจารณาคดีใหม่ และอื่น ๆ ในคดีแรงงาน
1. คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 29/2542
การย่นหรือขยายระยะเวลาคดีแรงงาน ต้องใช้มาตรา 26 ไม่อาจนำ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 23 มาบังคับใช้ได้
2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2176/2542
ศาลแรงงานได้ออกคำบังคับ การส่งหากไม่มีผู้รับแทนให้ปิดและให้มีผลทันที ให้การปิดคำบังคับมีผลตามกำหนดระยะเวลาในหมายนี้ ให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับคำบังคับเป็นต้นไป ข้อความที่ระบุไว้ในคำบังคับดังกล่าวหาได้มีความหมายว่า การปิดคำบังคับให้มีผลทันที จำเลยจึงไม่ทราบได้ว่าศาลแรงงานมีคำสั่งให้การส่งคำบังคับ มีผลทันทีในกรณีที่มีการปิดคำบังคับกรณีจึงต้องอยู่ในคำบังคับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสองประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ที่กำหนดว่า การส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยวิธีอื่นแทนนั้นให้มีผลใช้ได้ต่อเมื่อ กำหนดเวลาสิบห้าวันหรือระยะเวลานานกว่านั้นตามที่ศาล เห็นสมควรกำหนดให้ล่วงพ้นไปแล้วนับแต่เวลาที่คำบังคับ ได้ปิดไว้ จำเลยย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับให้แก่จำเลย
3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5326/2542
แม้คำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ของโจทก์จะระบุว่า มิได้ประสงค์ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ แต่ประสงค์ขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่ศาลจะกำหนดให้ก็ตาม แต่ผลของการขอก็คือขออนุญาตอุทธรณ์เมื่อพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้นั่งเอง ถือว่าคำร้องของโจทก์ทั้งสองเป็นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์
4. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5326-5327-2542
แม้คำร้องขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ของโจทก์จะระบุว่า มิได้ประสงค์ขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ แต่ประสงค์ขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดให้ก็ตาม แต่ผลของการขอก็คือขออนุญาตอุทธรณ์เมื่อพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้นั่นเอง ถือว่าคำร้องของโจทก์ทั้งสองเป็นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์
5. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4782/2543
หากเป็นความจริงตามคำร้องของจำเลยที่ 1 จำเลยได้รับสำเนาคำพิพากษาศาลแรงงานเมื่อล่วงเลยกำหนดอุทธรณ์แล้ว จำเลยก็ไม่อาจยื่นอุทธรณ์ได้ กรณีถือได้ว่ามีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ศาลแรงงานจะพึงขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้แก่จำเลย
6. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5150/2543
ศาลแรงงานกลางนัดฟังคำพิพากษาและได้ปิดประกาศแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาให้โจทก์ทราบที่หน้าศาล โดยให้มีผลทันทีแล้วตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ. 2522 มาตรา 25, 26 จึงต้องถือว่าเป็นได้ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาตั้งแต่วันดังกล่าวแล้ว เมื่อโจทก์ไม่ไปฟังคำพิพากษาในวันนัด โจทก์จะอ้างว่ายังไม่ทราบคำพิพากษาไม่ได้
7. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8934/2543
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 ได้บัญญัติเรื่องขยายระยะเวลาวางเงินต่อศาลแรงงานในการฟ้องคดีไว้เป็นการเฉพาะตัว ไม่อาจนำ ป.วิ.พ. มาตรา 23 ซึ่งเป็นบทบัญญัติทั่วไปมาใช้บังคับโดยอนุโลมได้, ศาลแรงงานกลางกำหนดไว้แล้วว่าจะกระทำได้เมื่อมีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม โดยไม่จำต้องมีพฤติการณ์พิเศษดังเช่นบัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 23
8. พิพากษาศาลฎีกาที่ 7208/2545
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ. 2522 มาตรา 31 เป็นอำนาจของศาลซึ่งมีอยู่ทั่วไปที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ และไม่อยู่ในบังคับแห่งบทกฎหมายว่าด้วยอายุความหรือการย่นหรือขยายระยะเวลา ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ มาตรา 26
9. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2548
แม้ระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแรงงานกลางในคดีนี้จะสิ้นสุดลงไปแล้ว โจทก์ก็ยังมีสิทธิยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต่อศาลแรงงานได้
10. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3057-3058/2548
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 มิได้กำหนดให้คู่ความต้องการยื่นคำร้องย่นหรือขยายระยะเวลาต่อศาลแรงงานก่อนสิ้นสุดระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ แม้ระยะเวลายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแรงงานกลางได้ ส่วนศาลแรงงานกลางจะมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์หรือไม่ ก็ต้องพิจารณาถึงความจำเป็นหรือเหตุอันจำเป็นของจำเลยว่าจริงหรือไม่และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
11. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5033/2549
พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 125 วรรคหนึ่ง บัญญัติไว้ว่า “เมื่อพนักงานตรวจแรงงานได้มีคำสั่งตามมาตรา 124 และ ถ้านายจ้าง ลูกจ้างหรือทายาทโดยธรรมของลูกจ้างซึ่งถึงแก่ความตายไม่พอใจคำสั่งนั้นให้นำคดีไปสู่ศาลได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ซึ่งกำหนดเวลาให้นำคดีขึ้นสู่ศาลตามบทบัญญัติดังกล่าวนี้เป็นกำหนดเวลาให้ฟ้องคดี มิใช่เป็นอายุความในการเรียกร้องสิทธิใด ๆ
12. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 479/2551
จำเลยทราบถึงการขอถอนตัวจากการเป็นทนายความตั้งแต่ก่อนศาลแรงงานภาค 2 อ่านคำพิพากษา จำเลยมีเวลาเพียงพอที่จะจัดหาทนายความคนใหม่ได้เสียแต่เนิ่น ๆ การที่จำเลยไม่รีบดำเนินการจึงเป็นความบกพร่องของฝ่ายจำเลยเอง ถือไม่ได้ว่าคดีมีความจำเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ศาลแรงงานภาค 2 จะขยายระยะเวลาอุทธรณ์ให้จำเลย