งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ
ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ
สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ
รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพลังประชาชน
ตัดสินกก.บห.พรรค5ปี
หลังชท.-มฌ.แถลงปิดคดีเสร็จสิ้น-ไร้เงาพปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ศาลรัฐธรรมนูญ ประกาศย้ายสถานที่นัดแถลงปิดคดียุบพรรคการเมือง 3 พรรคคือ
พลังประชาชน ชาติไทย และมัชฌิมาธิปไตย จากศาลรัฐธรรมนูญ ถนนจักรเพชร
มาที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ ในเวลา 10.00 น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า
ก่อนหน้านี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงมารวมตัวชุมนุมที่บริเวณหน้าศาลรัฐธรรมนูญจำนวนมากจนปิดทางเข้าออก
เพื่อกดดันไม่ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเข้าไปได้
หลังจากที่ทราบข่าวการย้ายสถานที่กลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มทยอยออกจากศาลรัฐธรรมนูญ
เตรียมเดินทางไปศาลปกครองต่อไป ท่ามกลางกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และทหารที่ยังคงตรึงกำลังโดยรอบอย่างเข้มงวด
ทั้งนี้มีรายงานว่าภายหลังจากมีการแถลงปิดคดีแล้ว
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอาจจะพิจารณาตัดสินยุบพรรคทันที เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงเข้าไปก่อกวนการทำงานของศาลรัฐธรรมนูญ
ด้านพล.ต.ต.สาโรจน์พรหมเจริญ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 กล่าวว่า
ได้รับการประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่มาอารักขารอบบริเวณศาลปกครอง คาดว่า
จะใช้กำลังประมาณ 3 กองร้อย หรือ 450
นาย ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด
โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ได้จัดกำลังทหาร จากกองทัพภาคที่ 1
จำนวน 2 กองร้อย
เข้าร่วมดูแลความสงบเรียบร้อยด้วยเช่นเดียวกัน
เวลาประมาณ 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเสื้อแดงประมาณ 500 คน
ได้เดินทางมาถึงหน้าศาลปกครอง โดยนำรถบรรทุกเครื่องขยายเสียง 2 คัน เข้ามาจอดในบริเวณด้านหน้าศาลปกครอง
และเปิดปราศรัยโจมตีการทำงานของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกลุ่มพันธมิตร โดยมีรายงานข่าวว่า
ตุลาการฯทั้ง 9 คนได้เข้าไปทำหน้าที่ภายในอาคารศาลปกครองแล้ว
เวลา 09.10
น.นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย พร้อมด้วย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์
ที่ปรึกษาพรรค และผู้บริหารพรรค เดินทางมาถึงศาลปกครองเพื่อรอการแถลงปิดคดี
นายบรรหาร กล่าวว่า มั่นใจในข้อมูลที่พรรคได้ชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ
วันนี้ก็จะชี้แจงด้วยวาจาตามข้อเท็จจริง
ต่อมาเวลา 10.00 น.
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ได้ออกนั่งบัลลังก์ โดย
นายบรรหารได้กล่าวแถลงปิดคดีเป็นพรรคแรกโดยระบุว่า
กรรมการบริหารพรรคไม่ได้กระทำความผิดอย่างที่ศาลกล่าวหา
และกรรมการคนอื่นไม่ได้มีส่วนรู้เห็น
ที่ผ่านมาในการปฐมนิเทศของพรรคก็ได้ย้ำเตือนสมาชิกไม่ให้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งตลอดเวลา
เชื่อว่าหากศาลได้เปิดโอกาสให้สืบพยานตามที่พรรคเสนอไปก่อนหน้านี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาวินิจฉัยของศาล
ทั้งนี้ช่วงสุดท้ายของการแถลงปิดคดี นายบรรหารได้ยกมือไหว้ตุลาการฯ
และกล่าวขอความเป็นธรรมจากศาล โดยขอให้ศาลช่วยพิจารณาอย่างตรงไปตรงมา
ภายหลังนายชัช
ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้กล่าวว่า
วันนี้ผู้ถูกกล่าวหาได้แถลงปิดคดีด้วยวาจาแล้ว ถือว่าเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณาคดี
รอฟังคำวินิจฉัยในวันนี้ ให้คู่กรณีคัดสำเนาการพิจารณาคดี
ผู้สื่อข่าวรายต่อจากนั้นนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน หัวหน้าพรรคมัชฌิมาได้ขึ้นแถลงปิดคดี
ขณะที่พรรคพลังประชาชนไม่ได้ส่งตัวแทนมาแถลงปิดคดีแต่อย่างใด
ภายหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจึงนัดให้ทั้ง 3 พรรคฟังคำวินิจฉัยในวันนี้
โดยในส่วนของพรรคพลังประชาชน
ประเด็นที่
1 นายยงยุทธ ติยะไพรัช กระทำความผิดตามพรบ.เลือกตั้งส.ส. หรือไม่
เห็นว่าประเด็นปัญหาการกระทำผิดของนายยงยยุทธ
ได้ต่อสู้คดีกันโดยผู้ร้องและผู้ถูกร้องได้นำพยานหลักฐานสู่ศาลฎีกา
และศาลมีคำวินิจฉัยว่านายยงยุทธ กระทำผิด ฝ่าฝืนพรบ.เลือกตั้ง มาตรา 53
ทำให้การเลือกตั้งส.ส.เชียงรายไม่สุจริต เที่ยงธรรม ตามคำสั่งศาลฎีกา ซึ่งศาลฎีกาเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดการทุจริต
ส.ส. แล้วว่ามีเหตุสมควรเชื่อได้ว่านายยงยุทธ กระทำการฝ่าฝืนพรบ.เลือกตั้ง
กรณีนายยงยุทธ จึงถือยุติตามคำสั่ง
ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจไปตรวจสอบคำวินิจฉัยของศาลฎีกาและไม่มีอำนาจคัดค้าน
ตามประเด็นคัดค้านว่าคำสั่งศาลฎีกาไม่มีคำสั่งผูกพันหัวหน้าพรรค
เห็นว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยคดีนี้ แต่เป็นการพิจารณาว่านายยงยุทธ
รองหัวหน้าพรรค ฝ่าฝืนพรบ.เลือกตั้ง
ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำสั่งให้ยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งตามมาตรา 237
ประกอบมาตรา 68 วรรค 3 หรือไม่
โดยไม่จำเป็นว่าต้องวินิจฉัยว่าคนอื่นเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ประเด็นที่ 2
มีเหตุสมควรให้ยุบพรรคหรือไม่ กรณีศาลรธน.มีคำสั่งยุบพรรค ให้เพิกถอนสิทธิ์ 5 ปี
แม้ข้อเท็จจริงจะไม่ได้กระทำ
กฎหมายให้ถือว่าเป็นผู้กระทำ ศาลรธน.ไม่สามารถวินิจฉัยเป็นอื่นได้
เพราะการซื้อเสียงความผิด ใช้วิธีการแยบยล
จึงให้ผู้บริหารพรรคคัดเลือกผู้ที่จะทำงานกับพรรคและควบคุมสอดส่องไม่ให้คนของพรรคกระทำผิด
ถือได้ว่ามีเหตุว่าสมควรยึดพรรคการเมืองผู้ถูกร้องหรือไม่
ต้องเป็นแบบอย่างถูกต้องชอบธรรม การได้มาซึ่งส.ส.ควรได้มาด้วยความนิยมเป็นหลัก
มิใช่ได้มาด้วยผลประโยชน์หรืออามิสสินจ้าง กก.บห.ต้องช่วยกันทำหน้าที่ควบคุมดูแล
แต่นายยงยุทธ และกก.บห.ใช้วิธีการผิดกฎหมายตนเองได้รับการเลือกตั่ง
ได้ส.ส.เพิ่มขึ้น ถือว่าได้ประโยชน์แล้ว
การที่นายยงยุทธ เป็นกก.บห. มีบทบาทสำคัญในพรรค
ได้รับยกย่องเป็นรองหัวหน้าและประธานสภา มีหน้าที่ต้องควบคุมดูแลส.ส.
แต่กลับกระทำความผิดเสียเอง คุกคามระบอบประชาธิปไตย
มีเหตุมควรให้ยุบพรรคเพือเป็นมาตรฐานพฤติกรรมที่ดีงาม ไม่ให้กระทำความผิดขึ้นอีก
ประเด็นที่ 3
หัวหน้าพรรคและกก.บห.ผู้ถูกร้องต้องถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่
มาตรา 237 วรรค 2 หากศาลรธน.มีคำสั่งยุบพรรคให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง
5 ปีนับแต่มีคำสั่งยุบพรรค เน้นย้ำมาตรา 68 วรรค 4 เมื่อศาลมีคำสั่งยุบพรรค ต้องเพิกถอนสิทธิ
ศาลไม่อาจใช้ดุลยพินิจเป็นอื่นได้
ส่วนข้อโต้แย้งว่าต้องมีส่วนรู้เห็นนั้น
เห็นว่าการเพิกถอนสิทธิกก.บห.ในคดีนี้เป็นการเพิกถอนตามรธน. 68 วรรค 3 ไม่ใช่ตามพรบ.พรรคการเมือง
มิอาจลบล้างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญข้อโต้แย้งทั้งหมดจึงฟังไม่ขึ้น
ศาลจึงมีมติเอกฉันท์ให้ยุบพปช.เนื่องจากนายยงยุทธ กระทำความผิดตามพรบ.เลือกตั้ง
มีผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริต 68-237 วรรค
และให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งกก.บห.ซึ่งดำรงตำแหน่งระหว่างกระทำความผิดเป็นเวลา 5 ปี มาตรา 68 วรรค 4 237 วรรค 2
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
ขณะที่พรรคมัชฌิมา
ศาลได้วินิจฉัยไปในแนวทางเดียวกันคือยุบพรรคมัชฌิมาธิปไตยและตัดสิทธิ์กก.บห.พรรคชุดรักษาการเป็นเวลา
5
ปี
ขอขอบคุณรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด