ศาลฎีกาตัดสินจำคุก 5 ปี "โกวิท ประวาลพฤกษ์" อดีตเลขาฯศช. รับเงินเอื้อบ.เอกชน
ทนายคลายทุกข์ขอนำรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์มติชน เกี่ยวกับศาลฎีกาพิพากษายืน สั่งจำคุก 5 ปี "โกวิท ประวาลพฤกษ์ " อดีตเลขาฯคณะกรรมการการศึกษาเอกชน ทุจริตรับเงินกว่า 2 แสน บริษัทเอกชน จัดซื้อสื่อการเรียนการสอน ส่วนเจ้าตัวหนีฟังคำพิพากษา
รายละเอียดรายงานข่าว
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ห้องพิจารณาคดี 905 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีหมายเลขดำที่ 3423/44 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายโกวิท ประวาลพฤกษ์ อายุ 58 ปี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (ศช.) กระทรวงศึกษาธิการ (ขณะนั้น) เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนโดยทุจริต
ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2544 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่าเมื่อระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน2539 – 2 กรกฎาคม2540 ต่อเนื่องกัน จำเลย ได้ทุจริตต่อหน้าที่โดยสั่งซื้อสื่อการเรียนการสอนโรงเรียนเอกชนการกุศล ระดับอนุบาลจากบริษัท โฟรเบล เอ็ดดูเคชั่นเซ็นเตอร์ จำกัด รวม 3 รายการ เป็นเงิน 1,991,850 บาท โดยวิธีพิเศษตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 ข้อ 23 (6) อ้างว่า บริษัท โฟรเบลฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย อันเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทโฟรเบลฯ ทั้งที่จำเลยรู้อยู่แล้วว่า การจัดซื้อครั้งนี้ไม่อยู่ในเงื่อนไขการจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ
การกระทำของจำเลยเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้ และก่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนต้องจ่ายเงินงบประมาณเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมจำนวน 680,627 บาท โดยจำเลยได้ค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน 256,445 บาท ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90,151,157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 4 และมาตรา28 จำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า จำเลยไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดกรรมเดียวผิด กฎหมาย หลายบทให้ลงโทษบทหนักสุดตามมาตรา 151 พิพากษากลับให้จำคุกจำเลยไว้ 5ปี จำเลยยื่นฎีกา และใช้เงินสดจำนวน 5 แสนบาทประกันตัวไประหว่างฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ข้อต่อสู้จำเลยเป็นข้ออ้างลอย ๆ ไม่หลักฐานอื่นมาสนับสนุน มีข้อพิรุธไม่มีน้ำหนักมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ จึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้เป็นการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาลับหลังจำเลยตามกฎหมาย เนื่องจากเมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมาศาลอาญา ได้นัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา แต่จำเลยไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลจึงออกหมายจับ ปรับนายประกัน และนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้อีกครั้ง
ขอขอบคุณรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์มติชน