จับไม่ได้....ไล่ไม่ทัน
เรื่องนี้ยึดเยื้อมานานหลายเดือน ครั้งแรกที่เธอจ้างนักสืบ ก็จับได้ว่าสามีเธอไปมีกิ๊ก จะเรียกว่ากิ๊กก็คงไม่ได้แล้วเพราะหล่อนมีลูกกับสามีเธอหนึ่งคน ชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่าเมียน้อย พอเธอจับได้สามีมีเมียน้อย เธอได้อาละวาดซะบ้านแตก เมียน้อยกระเจิดกระเจิงย้ายที่อยู่ ส่วนสามีก็รับปากว่าจะเลิกและกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม อยู่ได้ไม่นาน สามีก็บอกว่าจะขอไปนอนค้างที่ออฟฟิต (คงทนเธอบ่นไม่ไหว) เพราะต้องเฝ้าสินค้า กลัวคนขโมยของ ชีวิตเธอไม่เหมือนเดิมตั้งแต่รู้ว่าสามีมีเมียน้อยและมีของแถมมาด้วยคือลูก ด้วยอารมณ์โกรธแค้น วันไหนไม่ได้ดั่งใจ เธอก็ด่าสามีเสียๆหายๆ บังคับให้สามีโอนทรัพย์สินให้เธอและลูกๆของเธอ เพราะไม่ต้องการให้เมียน้อยได้ประโยชน์ วันไหนที่โทรศัพท์ไปหาสามีไม่รับสาย จะเครียดมาก เธอจึงกลับมาหาดิฉันอีกครั้งเพื่อเฝ้าดูพฤติกรรมสามีว่าแอบไปหาเมียน้อยหรือไม่ สามีขอเธอว่าขอไปเยี่ยมลูกบ้างเป็นครั้งคราว แต่เธอไม่ยอมบอกว่าให้เอาลูกเมียน้อยมาเลี้ยงที่บ้านเธอจะเลี้ยงให้เอง ส่วนเมียน้อยให้เลิกไปเลย สามีเถียง “จะให้แยกแม่ลูกได้ยังไง สงสารเด็ก” เธอไม่สนใจ อารมณ์กำลังโกรธ เห็นอะไรขวางหูขวางตาไม่ได้ บางครั้งนักสืบก็ปวดหัวนะ เธอเอาแต่ใจจริงๆ คุยไม่รู้เรื่อง ไม่ยอมฟังอะไรทั้งน้าน เธอบอกกับดิฉันว่า “ขอจ้างเหมานักสืบเป็นปี” พอได้ยินแทนที่จะดีใจ กับทุกข์หนักกว่าเดิม เงินก็อยากได้นะแต่จะรับอารมณ์เธอไหวมั้ยเนี้ย! ต่อไปนี้ต้องคุยกับเธอทุกวัน แต่ไม่เป็นไร เรามันนักสืบมืออาชีพอยู่แล้วถือเป็นงานบริการ ทำได้ทุกเรื่อง “เพื่อเงิน” อิอิ บางครั้งดิฉันให้ลูกค้าติดต่อกับลูกทีมโดยตรง แต่ทีมงานทุกคนปฏิเสธที่จะคุยกับเธอ สุดท้ายก็เป็นเราต้องคอยประสานงาน ทุกวันเธอจะต้องโทรหามาดิฉันเพื่อเล่าเรื่องราวของสามีทั้งในอดีตและปัจจุบัน เราฟังอย่างเดียวไม่ตอบโต้ ได้แต่ “ค่ะ คะ คะ” และให้คำแนะนำบ้าง ให้กำลังใจบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะฟังเธอมากกว่า เทศกาลสงกรานต์ เธอกับลูกไปเที่ยวต่างจังหวัด ชวนสามีไปด้วย แต่เขาอ้างว่าไม่ว่างต้องไปทำบุญสวดข้ามคืนที่สำนักสงฆ์ และต้องไปเฝ้าโรงงานกลัวคนขโมยของ เธอเน้นนักสืบว่าต้องดูให้ดี “พี่ว่ามันต้องไปหาอีเมียน้อยมันแน่ๆเลย พี่ยอมจ่ายเงินเพิ่ม ช่วยจัดคนให้พี่หน่อย” งานเข้าค่ะ อย่างน้อยต้องมีหนึ่งทีมที่จะต้องทำงาน แต่ละคนก็วางแผนกันไว้ว่าจะไปพาครอบครัวไปเที่ยวที่นั่น ที่นี่ นักสืบต้องทำการจับสลาก งานนี้ใครจะแจ๊คพ๊อต ความซวยเอ้ยความโชคดีเป็นของทีมส้มโอ ผู้ว่าจ้างเดินทางตั้งแต่วันที่ 11 กลับวันที่ 15 ระหว่างทำงานดิฉันก็เหมือนอยู่ในเหตุการณ์ตลอด เธอก็คงไม่มีกระจิตกระใจจะเที่ยวเหมือนกัน เพราะเธอโทรคุยตลอดเวลา สามีก็ระแวงระวังตัวมาก ขับรถออกจากบ้านไป จอดตลอด ขับรถเร็วบ้าง ช้าบ้าง ส้มโอกับทีมงานหลุดหายตลอด เส้นทางที่แจ้งกับผู้ว่าจ้างว่าจะไปวัด ก็ไม่ไป สามีหายจากสายตานักสืบไปชั่วโมงเดียว เธอจินตนาสารพัด “พี่ว่ามันต้องไปเจอกันมาแล้วแน่ๆเลย” “มันโกหก เมื่อวานมันบอกว่าจะไปสวดมนต์ติดต่อมันไม่ได้ ..เย็นๆมันโทรมาบอกว่าเพิ่งออกจากวัด” “คงไม่แน่ เพราะส้มโออยู่ที่วัดตลอดไม่เห็นเงาของเป้าหมายเลย ..วันสงกรานต์สามีบอกเธอว่าจะไปบ้านญาติ ทำบุญรดน้ำกันแต่เช้า นักสืบเฝ้าหน้าบ้านตั้งแต่ตีห้า สิบโมงเป้าหมายยังไม่ตื่นเลย พอเมียโทรถามก็บอกว่าอยู่บ้านญาติ เธอเล่าให้ฟังอยากจะขำกลิ้งเลย ไม่รู้จะโกหกทำไม ตอนเย็นบอกอยู่บ้านแต่ขับรถออกจากบ้าน เหมือนจะไปไหนสักที่ แต่พอไปได้ครึ่งทางคงกลัวคนติดตามก็กลับรถระหว่างทาง แวะทำโน่นนี่นั่น ทำตัวปกติ สักพักเธอโทรมาเล่าให้ฟังว่าโทรไปด่าสามี เพราะอดใจไม่ไหว หมั่นไส้ เธอบอกว่าที่สามีหวาดระแวงไม่ใช่กลัวนักสืบจะติดตาม แต่กลัวถูกฆ่า เพราะเธอไปขู่สามีว่าถ้าจับได้อีก ไม่ปล่อยไว้แน่ สามีกลัวมากเพราะเธอมีญาติเป็นนักเลง เมื่อหลายปีก่อนมีเรื่องทะเลาะกัน พี่ชายมาจัดการให้ เขากลัวมาก คิดว่าเธอเอาจริง วันถัดมาเป้าหมายออกจากบ้านไปที่ห้างโลตัส ซื้อของมากมายทั้งผ้าม่านจำนวนหลายอัน นักสืบรายงานให้เธอทราบ เธอรีบโทรหาสามีแว๊กใส่ทันที สามีบอกว่าจะเอาไปติดโรงงาน เธอไม่เชื่อด่าๆๆๆๆ สุดท้ายยอมรับว่าจะเอาไปติดที่บ้านเมียน้อย เธอถามว่า “รู้มั้ยว่าบ้านเมียน้อยมันอยู่ไหน” จะไปรู้ได้ไงล่ะก็เขายังไม่ได้ไปเลย พอจะได้เรื่องเธอก็อาระวาดซะแล้ว เขาก็ไม่กล้าไป เลยไม่รู้สักที นักสืบก็ปวดหัว เราก็เครียด เพราะคุยกับเธอตลอด กินข้าว เดินซื้อของ ก็คุยโทรศัพท์ตลอด คนข้างๆคงมอง คงคิดนะว่าธุรกิจอะไรของมันยุ่งนักนา กินข้าวยังคุย วางสายโน้น รับสายนี้ ความจริงคุยแค่สองคน ผู้ว่าจ้างและทีมงาน เรื่องนี้ไม่จบอีก เมื่อเธอกลับมาจากต่างจังหวัด สามีไม่ยอมกลับมานอนที่บ้านที่เธออยู่ บอกว่าจะไปนอนอีกหลัง ไม่ไว้ใจต้องให้นักสืบนอนเฝ้าหน้าบ้าน งานนี้ส้มโอเอ่ยปาก “พี่ขอเปลี่ยนทีมนะ หนูขอพักก่อนไม่ไหวคะ ไม่ได้นอนเลย” “โอเค งั้นให้ทีมโจโจ้ไปจัดการ ในสัปดาห์นั้น สามีเธอทำตัวดีถึงจะอยู่กันคนละหลัง แต่ก็ทำตัวดี ออกจากที่ทำงานแล้วกลับบ้านโทรรายงานตลอด เราคิดว่าเขาคงจะรู้ตัวแหล่ะว่ามีคนเฝ้าติดตามอยู่ เพราะเวลาไปไหนรายงานเธอ เธอกับไปพูดดักสามีทุกครั้ง เราก็เข้าใจทั้งสองฝ่ายนะเธอเป็นเมียหลวงก็ไม่ต้องการที่จะให้มาแทรกแซงชีวิต ที่ผ่านมาเธอไม่เคยสนใจสามีสักเท่าไหร่ ดูแลลูกๆ ดูแลบ้าน ตัวเองก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่ชอบออกสังคม สามีชวนไปปฏิเสธ เลยเป็นช่องว่าง สามีเป็นนักธุรกิจออกงานคนเดียว ก็สบายละซิงานนี้ เป็นโอกาสดีเลย มีปัญหากับภรรยาที่บ้านก็เจอเพิ่อนใหม่ ปรับทุกข์ได้คุยกันเข้าใจ ก็เปลี่ยนเป็นเห็นอกเห็นใจ ยิ่งผู้ชายมีน้อยอยู่ด้วยซิ เธอบ่นให้ดิฉันว่า “ไม่น่าเลย..พี่ไม่น่าปล่อยเขาเลย” “แต่มันก็เจ็บใจนะมันมาทำกับพี่ได้ยังไง มันโกหกพี่มาตลอด อ้างว่าติดงานๆ” คุยไปคุยมาเธอก็วกเข้าเรื่องเดิมตลอด ก็อยากจะฝากกับแม่บ้านทั้งหลายนะคะ สามีกลับบ้านเหนื่อยต้องเอาใจใส่บ้าง ให้เขารู้สึกว่ายังมีคนห่วงใจเขาอยู่ ดูแลทุกอย่างตั้งแต่ น้ำดื่ม,อาหาร ถุงเท้า รองเท้า เสื้อผ้า ทุกๆอย่าง แม้แต่สิ่งเล็กน้อยก็อย่ามองข้าม อย่าปล่อยตัวเองให้เป็นวัตถุโบราณ แต่งตัวให้สวย ยิ้มแย้มแจ่มใสเวลาสามีกลับมาบ้าน อย่าตีหน้ายักษ์ใส่ “ไปไหนมา..ทำไมกลับช้า ไปกินข้าวกับมันมาละซิ อย่าคิดว่าชั้นไม่รู้นะ” แบบนี้ไม่ดีคะ หลับตาข้างหนึ่งไว้ อย่าทำเป็นรู้เยอะ เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวหาเลี้ยงครอบครัว เพื่อความผาสุขของครอบครัว ถ้าเราไปชี้นิ้วด่าหรือให้ยอมรับผิดในสิ่งที่ผิดพลาดไป ชีวิตคู่สักวันก็ต้องพัง คนที่เสียใจก็คือเรา ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับคำว่า “ให้อภัย” เท่านั้นชีวิตถึงจะมีความสุข มีปัญหาปรึกษานักสืบกุ้งได้คะ!