หญิงวัยกลางคนหน้าตากร้าน อายุประมาณ 55 ปี
บทความวันที่ 30 ม.ค. 2560, 00:00
มีผู้อ่านทั้งหมด 12939 ครั้ง
คู่เวร..คู่กรรม
หญิงวัยกลางคนหน้าตากร้าน อายุประมาณ 55 ปี เดินเข้ามาหานักสืบและบอกวัตถุประสงค์ว่าต้องการติดตามพฤติกรรมของสามี ลูกๆเห็นแม่ทุกข์มานานหลายสิบปี ทนเห็นพ่อด่าแม่ไม่ไหว พูดจาไม่ดีกับแม่ คิดว่าพ่อน่าจะมีเมียน้อย จึงแนะนำแม่ให้หาหลักฐาน เธอเล่าชีวิตให้ฟังแบบรันทด อยู่กินกับสามีประมาณ 30 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน บรรลุนิติภาวะหมดแล้ว มีปัญหากับสามีมาตั้งแต่เริ่มอยู่ด้วยกันไม่มีลูกด้วยซ้ำ พื้นฐานเธอมีเชื้อสายจีน พ่อแม่หัวโบราณ แต่งงานกับใครก็ต้องอยู่กันไปจนตายข้างหนึ่ง ชีวิตการแต่งงานเริ่มจากศูนย์ไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย เธอทำงานขายอาหารตามสั่งส่งสามีเรียนจนจบปริญญาตรี สามีเป็นคนสมองดี ติดต่องานเก่ง จึงไปรับงานเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้างเริ่มจากเล็กๆก่อน ธุรกิจเริ่มขยายดีขึ้นเรื่อยๆ รับต่อเติม สร้างบ้านเป็นหลัง จนถึงโครงการใหญ่ สามีประมูลงานมา เธอช่วยดูแลคนงาน ติดต่อซื้อวัสดุ ทำแทนสามีทุกอย่าง เก็บเงินมาได้สามีก็เอาไปหมดไม่เคยแบ่งให้ใช้จ่ายส่วนตัว ในขณะนั้นเธอก็ขายอาหารตามสั่งไปด้วยเก็บเงินเอง พอมีเงินสามีก็เอาไปซื้อที่ดิน ซื้อบ้านเก็บไว้ ถ้าพอมีกำไรก็ขาย ช่วงที่อยู่ด้วยกันมีปัญหา ระหองระแหงกันตลอดจนกระทั่งมีลูก 3 คน ที่บ้านมีแม่บ้านคอยเลี้ยงลูก วันนึงแม่บ้านก็ท้องทั้งๆ ที่ไม่ได้แต่งงาน และไม่เคยไปค้างนอกบ้านเลย เธอสงสัยจึงคาดคั้น หล่อนยอมรับท้องกับนายผู้ชาย และรับปากว่าจะอยู่ให้คลอดลูกก่อน และจะไป เมื่อหล่อนคลอดลูกและยกให้เธอ หล่อนก็เลิกราตามที่พูดไว้ แม่บ้านออกเธอก็ต้องทำงานเอง ขายอาหารตามสั่งไปด้วยช่วยสามีคุมงานก่อสร้างด้วย ทำงานบ้านอีกไม่ไหว เพื่อนจึงแนะนำคนงานพม่าให้ เป็นหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปีเศษ เธอรีบรับไว้ สาวใช้พม่าทำงานด้วยความขยันขันแข็ง เธอไว้ใจให้ดูแลลูกทุกคน ขี่จักรยานไปส่งเด็กที่โรงเรียนซึ่งอยู่ไกลจากบ้านประมาณ 1 กิโล อยู่ๆสาวใช้พม่าก็ออกโดยเธอไม่ทราบสาเหตุหลังจากที่อยู่มาประมาณ 3 ปี สามีจึงทำหน้าที่ไปส่งลูกที่โรงเรียน เพราะเธอต้องออกไปขายอาหารแต่เช้า และเข้าไซค์งานไปดูแลคนงาน หลังๆเธอเริ่มสังเกตุว่าทำไมไปส่งลูกที่โรงเรียนห่างจากบ้านแค่ 1 กิโลใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง เธอก็เลยแอบตามไปดู จึงรู้ว่าหลังจากที่ส่งลูกที่โรงเรียนแล้ว สามีขับรถไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เห็นสาวใช้พม่ากับสามีเธออยู่ด้วยกันในบ้านทาวเฮาส์ 2 ชั้น เธอเข้าไปจัดการด่ายับ แล้วก็ต้องรับกลับไปที่ร้านขายอาหาร ตอนเย็นกลับที่บ้านนี้อีก ปรากฎว่าสาวพม่าขนย้ายข้าวของหนีไปแล้ว สามีเธอบอกว่า “มันกลับพม่าไปแล้ว..มันกลัวเธอจะตายไป....” “มันบอกกูว่าลากลับบ้านไปดูแลพ่อแม่..ที่ไหนได้มาดูแลผัวกูนี่เอง..มันหยามกันนัก..” เธอบ่น เหตุการณ์หลังจากนั้นสามีก็ทำตัวปกติ แต่เรื่องอารมณ์ร้อนยังเหมือนเดิม หาเรื่องด่าทะเลาะกันมาตลอด เธอบอกต้องทนเพื่อลูก ตอนนี้ลูกโตเรียนจบหมดแล้ว ลูกเห็นแม่ทุกข์โดนพ่อด่าเกือบทุกวัน เธอคิดว่าสามีต้องมีเมียน้อยอีกแน่ๆแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน ตอนนี้เขาเริ่มฉลาด ระวังตัวมากขึ้น ไปติดงานข้างนอกบางทีติดต่อไม่ได้โทรศัพท์มือถือก็ไม่รับ ถามคนงานก็บอกว่าเถ้าแก่ไม่มาที่ไซค์งาน จึงเป็นที่มาว่าต้องมาจ้างนักสืบ.. เธอเป็นหญิงแกร่งมาก ไม่แปลกใจเลยที่หน้าเธอดูแก่กว่าวัย ตากแดด ทำงานหนัก ทำทุกอย่างสมกับที่ปัจจุบันนี้เธอมีทรัพย์สินมากมาย แต่ทรัพย์สินทุกอย่างซื้อในนามของสามีหมด พอมีปัญหาสามีบอกว่า “กูจะไม่ให้อะไรมึงเลย” เธอยิ่งทุกข์หนักกว่าเดิม อ้อนวอนดิฉัน “นักสืบกุ้ง” ช่วยพี่ด้วยได้หลักฐานแล้วดำเนินการฟ้องให้ด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ดิฉันก็อยู่นิ่งเฉยไม่ได้แล้วรีบจัดทีมนักสืบ เช้ารุ่งขึ้นทีมงานเฝ้าหน้าบ้าน เพราะเขาออกบ้านไม่แน่นอน บางทีก็เช้า บางวันก็บ่าย หมู่บ้านที่เธออยู่ก็มีพนักงานรักษาความปลอดภัยแน่นหนา รอทางออกของหมู่บ้าน วันนี้ทั้งวันไม่เห็นเป้าหมายออก เธอกลับเข้าบ้านและแจ้งกลับมาว่าสามียังอยู่คาดว่าจะไม่ออกไปไหน พรุ่งนี้มาใหม่ รุ่งขึ้นทีมงานประจำจุดแต่เช้า เมื่อวานอยู่นานจน รปภ.จำหน้าได้ วันนี้ก็ต้องเซ่น..กันหน่อย จอดได้ตามสบายเลยพี่.. สายๆ แดดเริ่มส่อง นักสืบไม่มีที่หลบแดดยอมนอนขดหลบในรถ ใช้ม่านบังได้บ้างนิดหน่อย หน้าหมู่บ้านถนนโล่ง จอดไกลมากก็มองไม่เห็น จากหมู่บ้านเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้หมด เกือบเที่ยงเห็นรถตามที่แจ้งไว้ขับออกหมู่บ้าน ในรถสังเกตุเห็นมีชายสองคน อีกคนเป็นชายชรา คนขับเป็นเป้าหมาย รถไปจอดที่ร้านอาหารริมน้ำ เป้าหมายสั่งอาหารกินพร้อมกับชายสูงวัยเธอบอกว่าเป็นพ่อสามี ไม่นานก็หญิงสาวรูปร่างท้วมวัยไม่เกิน 30 ปี เข้ามาพร้อมกับเด็กชายวัยประมาณ 2 ขวบ มานั่งร่วมโต๊ะอาหาร ทีมงานถ่ายรูปส่งให้เธอดู “นี่มันอีพม่านี่ แล้วเด็กเป็นใคร ช่วยตามผู้หญิงไปถึงบ้านเลยนะคะ” จัดปาย.... ทานอาหารเสร็จต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับ เราเลือกตามหญิงแทน เธอขับรถกระบะเก่งมาก เข้าไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ห่างหมู่บ้านเธอไปประมาณ 5 กิโลเมตร ชายขับรถตามเข้ามาด้วยพร้อมเดินเข้าไปในบ้านแบบคุ้นเคย เดินจูงเด็กออกมาเดินเล่นสนามหน้าบ้าน หญิงสาวเดินตามมาป้อนข้าว ถ่ายภาพได้ชัดมาก 3 คนพ่อแม่ลูก คิดว่าเป็นลูกเพราะเด็กเรียก ป๊ะป้า แบบยังหัดพูดไม่ชัด พอเธอว่าเป็นสาวพม่าเจ้าเดิม ลมออกหูเลย แต่ทำอะไรไม่ได้ พูดมากไปก็กลัวถูกตี เลยเก็บความลับไว้ก่อน เพราะพ่อของสามีก็รู้เห็นเป็นใจด้วยคงสู้เขาไม่ได้ หลังจากที่ได้หลักฐานเธอเก็บความลับมาเกือบปี จนมาวันนึงลูกบอกถ้าแม่ไม่ไหวก็เลิกไปเถอะ ทุกคนก็โตหมด เธอขอหย่ากับสามี ถูกด่ากลับมา “มึงจะไปหาผัวใหม่รึไง จะไปอยู่กับชู้เหรอ” ได้ยินคำนี้ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น จึงกลับมาดิฉันอีกครั้งเพื่อจะฟ้องหย่าสามี และแบ่งสินสมรส ในขณะที่ดิฉันได้ร่างคำฟ้องเตรียมจะยื่นต่อศาล เธอบอกว่าจะฟ้องชู้ด้วยเรื่องจากเธอไปเห็นกับตาเลยว่า สามีไปนอนกอดอยู่กับ “อีนังพม่า” เมื่อสองวันที่แล้วขณะพ่อสามีป่วยเข้าโรงพยาบาล สามีไปนอนเฝ้า แต่พอตกดึกพ่ออาการหนักเขาติดต่อสามีไม่ได้จะให้เซ็นต์เอกสารรับรองการรักษา เจ้าหน้าที่จึงโทรหาเธอ เธอจึงออกตามหาแต่ไม่เจอ ระหว่างทางกลับบ้านเห็นรถจอดหน้าป้อมยามท่างเข้าหมู่บ้านที่ “นังพม่า”อยู่ จึงไปถาม รปภ. และพาไปที่บ้านหลังหนึ่ง ช่วงนั้นดึกมากแล้วเธอเรียกอยู่หน้าบ้านไม่มีใครเปิดประตู เดินไปผลักประตูไม่ได้ล๊อคเธอดินเข้าไปข้างใน ไม่มีคนจึงเดินขึ้นไปชั้นสอง ผลักประตูห้องนอน สว่างคาตาเลยสามีและสาวพม่านอนกอดกันกลมเลย เธอด่าสามีและรีบให้ไปโรงพยาบาล แต่ไม่ทันถึงโรงพยาบาลพ่อสามีตายไปก่อน พอจัดงานศพเสร็จเธอโทรหาดิฉันทันทีบอกว่าให้ฟ้องชู้ไปด้วย ..เพราะเธอมีหลักฐานเต็มสองดวงตาเลย ได้เลยคร่า ...จัดให้ มีปัญหาปรึกษานักสืบกุ้งค่ะ!