หญิงก็ได้ ชายก็ดี
ท่านผู้อ่านที่รัก เห็นชื่อเรื่องก็คงแปลกใจ แต่สังคมไทยสมัยนี้แยกไม่ออกหรอกค่ะ ว่ามีเพศไหนบ้าง บางคนยังสับสนตัวเองเลยว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ เป็นหญิงหรือชาย ชอบแบบไหน เมื่อสัปดาห์ที่แล้วไปเดินห้างเซ็นทรัลรามอินทรา มีพนักงานสาวหล่อคนหนึ่งวิ่งตามมาเสนอขายเครื่องสำอางค์และบริการเสริมความงาม ตอนแรกไม่สนใจเดินหนีไป หยิบโบว์ชัวร์มีสาวหล่อยัดใส่มือมาอ่าน เอ๊ะมีบางอย่างตรงตามรายการที่เราอยากได้พอดี เลยหันหลังกลับเดินเข้าไปสอบถาม น้องก็พยายามอธิบายแต่เราไม่สนใจอยากฟังหรอก เพราะรู้เรื่องความงามดีอยู่แล้ว อยากทราบแค่ราคาเท่านั้นแหล่ะว่าถ้าไปใช้บริการราคาอยู่ที่เท่าไหร่ ปกติก็เข้าสปาอยู่แล้ว ถ้าที่ไหนให้บริการดีราคาถูกกว่าเราก็ไปใช้ที่นั่น ตกลงตัดสินใจซื้อบริการเพราะราคาถูกกว่า ของดีไม่ดีไม่รู้ วันแรกที่เราเข้าไปใช้บริการ น้องบอกว่าจะไปรอต้อนรับเรา ไปถึงก็มองหาไม่เห็นน้องสาวหล่อแต่งตัวมาดเท่ห์วันนั้นเลย ไปไหน? เราก็ถามหา เธอก็บอกว่าหนูที่แหล่ะ อ้าว! วันนี้เธอแปลงร่างเป็นหญิงซะงั้น แต่งหน้าทาปากแดง ผิดกับวันแรกที่เจอ เลยถามเธอไปว่า ตกลงจะเป็นอะไรกันแน่ “ แล้วแต่อยากจะเป็น..บางวัน” เอ่อแบบนี้สังคมไทยเรามีอีกเยอะ เราเห็นจนชิน จนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ยังไม่เกี่ยวกับงานสืบตรงไหนเลยใช่มั้ยค่ะ เป็นที่มาที่จะหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเล่า วันหนึ่งมีตำรวจยศ พันตำรวจโท โทรมาหาบอกว่าได้รับคำแนะนำจากเพื่อน ถ้าต้องการนักสืบให้โทรมาหาคนชื่อกุ้ง “น้องชื่อกุ้งหรือเปล่าครับ” “ใช่ค่ะ” มีอะไรให้รับใช้คะ ตอนนั้นท่านแนะนำตัวว่าเป็นใคร ทำงานอยู่สถานีตำรวจไหน มีเรื่องต้องใช้บริการนักสืบ แต่ไม่กล้าใช้ลูกน้องทำงานให้ ไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องคนในครอบครัว และอีกอย่างลูกน้องก็ไม่มีความชำนาญที่จะมาสะกดรอยตามคน ส่วนใหญ่ก็ไปวิ่งไล่จับผู้ร้าย ท่านบอกว่าอย่างนั้น งานนี้ด่วนจี๋ ต้องการพบด่วนและให้ทำงานทันที เรานัดหมายสถานที่ เพื่อรับข้อมูล ซึ่งเป้าหมายไม่ใช่ภรรยาแต่เป็นน้องสะใภ้ น้องชายและน้องสะใภ้เปิดธุรกิจเป็นร้านขายของชำขายส่งด้วยกัน ระยะหลังน้องสะใภ้ใช้เงินเก่ง และมีเรื่องทะเลาะกับสามีบ่อยมาก บางวันไม่กลับบ้าน เห็นน้องชายทุกข์ และเป็นจังหวะที่น้องชายไปต่างประเทศ จึงต้องการทราบความจริงและเก็บหลักฐานว่าน้องสะใภ้ไปมีชู้หรือเพราะอะไรกันแน่ การที่มาจ้างนักสืบน้องชายไม่รู้ทราบเรื่อง ถ้าไม่มีอะไรก็จบไป แต่ถ้าจับได้ว่าไปมีชู้จะได้เอาหลักฐานให้น้องชายจัดการต่อไป พอเก็บรายละเอียดเรียบร้อยดิฉันให้ทีมงานลงพื้นที่เพื่อปฏิบัติงานทันที โดยการเริ่มเฝ้าตั้งแต่หน้าบ้าน ซึ่งเป้าหมายทุกคนเรียกเธอว่า เจ้ เราก็เรียกเจ้ด้วย เจ้ขับรถออกจากบ้านช่วงบ่ายๆ ไปดูร้านขายของขำ ในร้านเจ้มีลูกน้องหลายคน มีลูกค้าเข้าออกตลอด ร้านยังไม่ปิด แต่เจ้ขับรถออกไปข้างนอก แวะไปร้านกาแฟพบหญิงสาวคนหนึ่งลักษณะคล้ายทอม คงเป็นเพื่อนกัน เมื่อเจ้และสาวทอมกินกาแฟเสร็จ ก็ขับรถตามกันไปคนละคัน ไปที่อาคารพาณิชย์แถวสาธร ซึ่งภายในกำลังตบแต่ง มีคนงานกำลังทำงาน เจ้และสาวทอมเข้าไปข้างใน ระหว่างนั่งรอก็เห็นรถส่งสินค้า หลายยี่ห้อมาส่ง เจ้และทอมช่วยกันจัดร้าน เอาสินค้าจัดขึ้นชั้นวางของ ซึ่งสินค้าก็เหมือนกับร้านเดิม เรารายงานผู้ว่าจ้างไป บอกว่าไม่เคยรู้สถานที่ตรงนี้มาเลย ไม่น่าจะใช่สาขาเพราะน้องชายไม่เคยว่าจะเปิดสาขา เจ้กับทอมช่วยกันจัดของในร้านจนถึงตีสาม คาดว่าจะรีบเปิดให้บริการในเร็วๆนี้ ทีมงานเราก็เฝ้าจนถึงที่สุด เรารายงานทุกอย่างที่เห็นตามจริงให้ผู้ว่าจ้างทราบพร้อมภายถ่ายประกอบส่งไปทาง Line และหลังจากเจ้ปิดร้านเสร็จเกือบตี4 เจ้ไม่กลับบ้านไปเปิดโรงแรมนอน และทอมก็เข้าห้องเดียวกับเจ้ด้วย “คงเป็นเพื่อนกันมั่งค่ะ เจ้คงเหนื่อยเลยไม่ต้องการขับรถกลับบ้าน” ดิฉันก็แสดงความคิดเห็นไป ทีมงานก็ไม่ไหวเหมือนกัน เปิดโรงแรมนอนอยู่ที่เดียวกันนั่นแหล่ะ นอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องลุกมานั่งเฝ้ารถ มองไปทางห้อง กลัวเป้าหมายหาย เพราะผู้ว่าจ้างจิก ท่านนายตำรวจไม่เท่าไหร่ ท่านคงเข้าใจอาชีพนับสืบ แต่คุณนายเมียท่านนี่ซิ เยอะ..มันต้องอย่างนั้น อย่างนี้ แบบนี้ไม่ได้ ต้องเฝ้าแบบนี้ โอ้ย ! ค่ะ รู้เยอะ มาเฝ้าด้วยกันเลยมั้ย ได้แต่คิดในใจ ไม่กล้ามีปากเสียงเดี๋ยวถึงหูคนแนะนำมา เสียชื่ออีก เจ้และทอมออกจากห้องพักบ่ายๆ นั่งรถออกไปด้วยกัน ครั้งแรกที่เห็นไม่คิดอะไรคะ แต่เห็นอาการที่ร้านอาหารนี่แล้ว คิดว่าเจ้ก็เปลี่ยนไปค่ะ แกนั่งกระหนุกกระหนิงแบบชายหญิงเพิ่งจีบกัน ตักอาหารป้อนให้กันและกัน แบบมีความสุขมาก แต่ไม่รู้หรอกว่านรกจะตามมา เพราะนักสืบเก็บภาพอยู่ วันนั้นแกคงมีความสุขมากเพราะสามียังไม่กลับจากต่างประเทศ จะกลับช่วงดึกของวันนี้ ซึ่งเจ้แกก็ต้องไปรับสามีที่สนามบิน มีอาการแสดงออกหลายอย่างว่าเจ้กับทอมคนนี้คบกันแน่นอน เดินจูงมือกันการแต่งตัวบ่งบอกได้เลยว่าอีกคนเป็นหญิงอีกคนเป็นชาย หลังจากออกร้านอาหารเจ้ขับรถไปที่ร้านที่เปิดใหม่พร้อมทอม เราส่งทีมงานเข้าไปซื้อของ ได้รับแจ้งว่าอีกสองวันร้านจะเปิด ทอมเป็นคนแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของร้าน พูดจากับลูกค้าดี เงินที่หายไปคงมาอยู่ที่ร้านนี่แหล่ะค่ะ และที่หายไปบางวันไม่กลับบ้านเจ้ก็คงมาอยู่กับทอม ได้เวลาต้องไปรับสามีที่สนามบิน เราก็ต้องติดตามเจ้ไปด้วย เพราะเป็นความประสงค์ของผู้ว่าจ้าง เกรงว่าระหว่างทางเจ้แกจะไปแวะที่ไหนอีก อาจจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม เจ้ถึงสนามบิน ยืนชะเง้อคอยาวหาสามีที่กำลังเข็นกระเป๋าออกมาทางประตูขาเข้า เจ้เห็นสามีเข็นกระเป๋าออกมารีบกุรีกุจอ เดินเข้าไปช่วยเข็นหอมแก้มสามีไปหนึ่งฟ้อด “แกจริงใจป่าวล่ะ” เราคุยกันเอง เพราะสิ่งที่เห็นมันไม่ใช่ไง เจ้อาจจะแสดงละครไม่อยากให้ผัวรู้ว่านอกใจ หรือยังรักผัวกันแน่. เราจินตนาการไปสารพัด ระหว่างทำงานเก็บภาพไว้ทุกช๊อต ดิฉันรายงานเหตุการณ์ที่เกินขึ้นให้ผู้ว่าจ้างทราบ คราวนี้ผู้ว่าจ้างเริ่มเครียดเอง เพราะไม่รู้ว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกน้องชายดีหรือไม่ น้องชายอาจจะรู้แล้วทำเป็นไม่สนใจ หรือยังไม่รู้กันแน่ เพราะเงินที่ว่าจ้างนักสืบก็ควักกระเป๋าเอง หรือน้องชายอาจไม่ถือสาก็ได้ บางทีทะเลาะกันรุนแรงเรื่องเงินหายไป แต่น้องสะใภ้ไม่ยอมรับว่าเอาไป เจ้แกคงอยากจะเก็บไว้ทั้งสองคนหรือเปล่า ? เจ้ยังอาจไม่แน่ใจตัวเองก็ได้ อยู่ระหว่างทดลองงาน เรื่องนี้คงไม่จบต้องติดตามตอนต่อไปค่ะ เพราะผู้ว่าจ้างบอกขอเว้นระยะก่อน จะต้องตามกันอีกแน่นอนค่ะ แต่กว่าจะถึงวันนั้นอะไรมันจะเกิดขึ้น ก็แล้วแต่เวรกรรมล่ะค่ะ มีปัญหานึกไม่ออกบอกนักสืบกุ้งได้ค่ะ