เมียสุดที่รัก
เมื่อต้นเดือนมิถุนายน. มีเสียงเรียกจากมือถือ “คุณกุ้งใช่ไหมครับ คุณกุ้งจำผมได้มั้ย” “ใครอ่ะคะ?” “ผมเคยไปกับคนจีน เรื่องตามภรรยา” “อ้อค่ะ!” “วันนี้ว่างมั้ยครับผมจะพาเค้าไปพบ” ดิฉันกำลังจิ๊บกาแฟอยู่ที่ร้านพอดี “ได้คะ มาที่ร้านกาแฟ spy coffee ได้เลยคะ.
หลังจากนั้น 3 ชั่วโมงมีหนุ่มไทยวัยรุ่นมาพร้อมกับหนุ่มจีนคนเดิม ขอใช้ชื่อว่าแซมนะคะสไตล์การแต่งตัวแซมไม่เปลี่ยนเลยสวมขาสั้นเสื้อยืดแบบเก่าเก่าดูจากภายนอกไม่รู้เลยว่านี่คือหนุ่มนักธุรกิจพันล้านเมื่อเราสนทนากัน แซมได้ยื่นโทรศัพท์มือถือให้ดิฉันดูและพูดเป็นภาษาจีน...ฉงเช่งๆๆๆ ซึ่งดิฉันก็ฟังไม่ออกเข้าใจ ล่ามพูดแปลให้ว่านี่คือข้อมูลการสนทนากันระหว่างเขากับแฟนสาวซึ่งภาษาที่ใช้แทนกันเค้าเรียกแฟนสาวว่า wife คือภรรยา ส่วนเค้าแทนตัวเองว่า Husband คือสามี “แฟนเค้าชื่ออะไรคะ “ ฉันถาม แซมบอกว่าไม่รู้ชื่อเพราะไม่เคยเรียกชื่อเล่นเลยชื่อจริงๆก็จำไม่ได้ อ้าว! แบบนี้คืออะไรอ่ะ งง!คะ แซมเล่าว่าได้รู้จักภรรยาโดยผ่านเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นนักธุรกิจด้วยกันอยู่เมืองไทยมานานไปเที่ยวกลางคืนและได้เจอน้องคนนี้เห็นว่าเป็นคนหน้าตาดีและนิสัยน่ารักจึงแนะนำให้แซมรู้จักเมื่อนัดพบกัน แซมก็รู้สึกว่าชอบคนนี้จึงได้ตกลงอยู่ด้วยกันเป็นสามีภรรยาเค้าได้ซื้อทรัพย์สินให้กับน้องหลายอย่างมีรถยนต์ราคาประมาณ 5 ล้านบาทซื้อบ้านให้อยู่อีกเกือบ 10 ล้านบาทให้เงินเดือนเดือนละ3-4 แสนบาท แซมจะบินมาเมืองไทยเดือนละครั้ง พักโรงแรมหรูกลางใจเมืองครั้งละ 5 วัน ภรรยาเอ่ยปากอยากไปเรียนต่างประเทศ แต่แซมอยากมีลูกก่อน เธอไม่ยอมทะเลาะกันเล็กน้อย ด้วยความรักแซมยอมให้เธอไปเรียน แซมได้จ่ายค่าเรียนค่าที่พักล่วงหน้า 1 ล้านบาท และโอนเงินให้อีกสองล้านบาทสำหรับค่าใช้จ่ายพ่อแม่ตามที่เธอขอ เธอได้บินไปเมืองนอกเพื่อเรียนตามที่ฝัน แซมกับภรรยาได้คุยกันโดยทางแชททาง WeChat และ WhatsApp กันทุกวันไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนทั้งคู่จะภาพถ่ายมาให้ดูตลอด สาเหตุของปัญหาก็คือวันนึงแซม หลังจากเลิกงานแซมไปสังสรรค์กับเพื่อนนักธุรกิจ กลับไปห้องก็ส่งข้อความแชทกับภรรยาเช่นเดิม ด้วยอาการเมา เแซมแชทไปหาภรรยาภรรยาต่อว่า....ภรรยาก็แชทตอบกลับ แชทไปแชทมา เริ่มสื่อสารกันไม่เข้าใจ และความที่ทั้งสองไม่เก่งภาษา การแชทคุยกันของทั้งสองคนจึงให้ Google แปลให้ ด้วยเหตุผลใดแซมไม่รู้ เธอปิดช่องทางการติดต่อทางแอพต่างๆหมด ไม่ยอมติดต่อ สื่อสารกับแซมเลย แซมก็ได้พยายามติดต่อกับภรรยาและญาติของภรรยา แต่ก็ไม่สามารถติดต่อหรือมีใครคุยกับแซมได้เนื่องจาก ว่าคุยกันคนละภาษา ที่แซมมาหานักสืบกุ้งเพราะต้องการนักสืบกุ้ง สื่อสารกับญาติของภรรยาให้เข้าใจ เพื่อญาติของภรรยาจะได้ปรับความเข้าใจกับภรรยาให้ (เมื่อฟังเรื่องราวจบที่ฉันคิดในใจทันทีว่าถูกหลอกชัวร์รู้จักสาวไทยน้อยไปแล้วจ้า) เค้ามีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภรรยาไม่มากนัก เท่าที่แซมหาได้คือสำเนาพาสปอร์ตของภรรยา เราใช้เวลาคุยกันนานมาก เกือบ 4 ชั่วโมงซึ่งดิฉันไม่เคยสนทนากับลูกค้าคนไหนนานแบบนี้มาก่อน แซมพยามพูดวนๆไปว่าต้องการอะไร (เข้าใจแล้ว....) ก่อนที่แซมจะกลับดิฉันไม่ลืมบอกว่า”ต้องชำระค่าบริการก่อนนะคะถึงจะเริ่มงานให้ได้” นักสืบกุ้งไม่รีรอที่จะให้เลขที่บัญชี..โอนเงินเดี๋ยวนั้น วันนี้เย็นมากแล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มงานดีกว่า ตื่นเช้ามารีบจัดการสืบหาข้อมูลเบื้องต้นก่อนว่าบ้านญาติอยู่ที่ไหนอย่างไร ส่วนภรรยาแซมอยู่ต่างประเทศไม่ต้องไปสนใจ เมื่อได้ที่อยู่เบื้องต้น รีบให้ทีมงานทันทีไปดูว่าที่นี่มีใครอยู่บ้างและได้ข้อมูลอะไรบ้างและจะสามารถจะสื่อสารกับใครได้บ้าง กว่าทีมงานจะหาบ้านหลังดังกล่าวเจอเวลาก็ค่ะเกือบหมดเวลาหนึ่งวัน ที่บ้านหลังนั้นมีรถจอดอยู่สามคันมีรถป้ายแดงและรถป้ายขาว ท่าทางที่บ้านดูมีฐานะ ทีมงานเฝ้าอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง เห็นหญิงสาวหน้าตาดีเดินออกมาจากบ้านขับรถป้ายแดงออกไปพร้อมชายหนุ่มที่เป็นคนไทย ทีมงานตามไปที่ห้างแห่งหนึ่งเห็นสาวและชายหนุ่มเดินควงแขนกันเดิน Shopping ซื้อของในห้างแบบมีความสุข ฉันเห็นภาพถ่ายแล้วตกใจว่าทำไมหน้าตาเหมือนภรรยาของแซมจัง รีบส่งรูปให้แซมดูทันทีคำตอบส่งกลับมาว่า “นี่คือภรรยาที่รักของเค้าเอง” “ภรรยาคุณมีฝาแฝดหรือเปล่า” “ไม่เคยรู้มาก่อน รู้จักแต่พี่สาวแต่หน้าตาไม่ใช่แบบนี้” แซมยืนยันว่านี่คือภรรยาเขาแน่นอน ไม่ใช่เฉพาะที่แซมงง ดิฉันก็งง!ด้วย ไหนบอกว่าเธออยู่ต่างประเทศไง ด้วยความสงสัย “แซม...เราจะติดตามดูพฤติกรรมไปก่อนนะ” “OK” หลังจากสาวที่เราเห็นเดิน Shopping กินข้าวแล้วขับรถกลับบ้านหลังเดิมที่เราเฝ้าอยู่ เมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวเรากลับ เช้ารุ่งขึ้นค่อยว่ากันใหม่ ทีมงานลงพื้นที่เฝ้าหน้าหมู่บ้าน ช่วงเช้าเงียบไม่มีความเคลื่อนไหวช่วงบ่ายเห็นรถป้ายแดงออกมาอีกแล้ว สะกดรอยตามต่อไป เห็นหญิงสาวคนเดิมและหนุ่มชายไทยคนเมื่อวาน ขับรถไปจอดรถที่ตลาดเพื่อซื้ออาหารสด และแวะไป Shopping ที่ห้างเหมือนเดิมทั้งคู่ sweet กันมาก ถ้าคนข้างนอกเห็นก็คิดว่าคนนี้คือผัวเมียกันหรือไม่ก็คู่รักข้าวใหม่ปลามัน จากเราเฝ้าดูพฤติกรรมมาเป็นสัปดาห์และจากการสืบหาข้อมูลก็ได้รู้ว่าหนุ่มคนนี้เป็นแฟนของเธอมานานแล้วก่อนที่จะรู้จักแซมด้วยซ้ำ บ้านที่เธออยู่กับหนุ่มไทยก็เอาเงินจากแซมมาซื้อเพื่อที่จะใช้ชีวิตกับแซม รถที่เธอขับก็เป็นเงินของแซมที่ซื้อให้เธอ เงินที่ใช้จ่ายทุกวันนี้ก็เป็นเงินที่แซมโอนให้ทุกเดือนประมาณ 3-4 แสนบาท และของใช้ทุกชิ้นกระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์เนมต่างๆที่ถือก็เป็นเงินแซมทั้งนั้น ดิฉันรายงานตามความเป็นจริงแต่แซมก็ยืนยันว่า การที่เธอไม่คุยกับเขานั้นเป็นเรื่องที่ภรรยาเข้าใจผิดที่เค้าส่งข้อความไป ดิฉันได้อธิบายหลายอย่างให้กับแซมฟังและให้ตัดใจ เพราะเธอมีสามีอยู่แล้ว แต่แซมก็ยืนยันว่าต้องการที่จะให้ภรรยาเค้ากลับคืนด้วย
ดิฉันได้พูดคุยกับพี่สาวของเธอในเรื่องของแซมพี่สาวเธอเล่าว่าเธอไม่สามารถที่จะให้น้องสาวกลับมาคืนดีกับแซมได้เพราะน้องสาวเธอมีสามีอยู่แล้วอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ก่อนรู้จักแซมด้วยซ้ำและน้องสาวเธอก็ต้องการเลิกกับแซมเพราะไม่ชอบนิสัยคนจีนที่ซกมกพูดจาเสียงดังกินอาหารแบบไม่มีมารยาท หน้าตาก็อุบาท เงินที่น้องสาวเธอได้มาจากแซมก็ใช้หมดแล้ว ฟังแล้วเศร้านะคะ ไม่รู้จะเข้าใจเธอหรือสงสารแซมกันแน่ สังคมไทยเป็นแบบนี้เสมอแต่ก็ไม่ใช่กับทุกคน ทุกคนเอาตัวรอดด้วยการเห็นแก่ตัว แต่มันก็เป็นเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาตามมาใช่ไหมคะ? ถ้าเกิดว่าเค้าไม่ยอมเอาเรื่องราวขึ้นมา ถ้าเค้าแค่ดำเนินคดีไปตามกฎหมายก็ไม่เป็นไรแต่เกรงว่ามันไม่ใช่ อาจจะก่อความรุนแรงเกิดขึ้นเพราะเขาเป็นนักธุรกิจมีเงินระดับพันล้านจะทำอะไรก็ได้ ดิฉันก็ได้พูดคุยกับแซมให้พยายามเข้าใจหลายอย่างเหมือนกัน หน้าที่ของนักสืบกุ้งแค่หาข้อมูลให้เท่านั้นใน ส่วนการตัดสินใจนั้นเป็นเรื่องของแซมเอง ไม่อยากให้สังคมไทยเป็นแบบนี้ แต่ทุกคนเอาตัวรอด แต่ใช้วิธีการหลอกลวงคนอื่น เพื่อแลกกับเงิน อาจจะเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องเสมอไปนะคะ หน้าที่ของนักสืบกุ้งคือค้นหาความจริงเท่านั้นนะคะ อยากรู้...มีปัญหา นึกอะไรไม่ออกบอกใครไม่ได้ นึกถึงนักสืบกุ้งคะ!!