รัฐบาลในฝันที่คนไทยอยากได้ เสียงสะท้อนถึงนักการเมือง
ใกล้งวดเข้ามาเต็มที…สำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า บรรดาพรรคการเมืองต่างก็งัดกลยุทธ์เด็ดของตัวเองขึ้นมาเพื่อซื้อใจคนไทยทั้งประเทศในช่วงโค้งสุดท้าย ด้วยความคาดหวังว่าประชาชนจะไว้วางใจเทคะแนนเสียงให้แบบท่วมท้น จนได้รับการเลือกตั้งให้เข้ามาเป็นผู้บริหารประเทศกันอีกครั้ง
ขณะเดียวกันบรรดาสำนักวิจัยต่าง ๆ ก็ออกมาระบุถึงคะแนนนิยมในตัวนักการเมืองและพรรคการเมือง ที่คนไทยชื่นชอบ แบบชนิดที่เรียกว่า “สูสี” ดังนั้นเมื่อผลการเลือกตั้งแล้วเสร็จในวันที่ 3 ก.ค.นี้ “รัฐบาลชุดใหม่” ที่ก้าวเข้ามาบริหารประเทศในชุดต่อไป คงไม่สามารถเป็นรัฐบาลพรรคเดียว อย่างที่หลายคนวาดฝันหรือตั้งความหวังให้เกิดขึ้นได้
แต่คนไทยทั้งประเทศยังคงต้องตกอยู่ในวังวนเดิม อยู่ภายใต้การบริหารงานของ “รัฐบาลผสม” ที่เต็มไปด้วยการต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จนทำให้การพัฒนาประเทศในทุกด้านต้องสะดุด ท่ามกลางสารพัดปัญหา สารพัดปัจจัยเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาด้านเศรษฐกิจ อย่างที่ได้เห็นกันมาตลอดในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา
แม้ว่าหลายคนอยากที่จะได้รัฐบาลที่ได้ดั่งใจนึกได้ดั่งใจที่ฝัน แต่ไม่ว่าผลของการเลือกตั้งจะออกมาเป็นเช่นใด ก็เป็นความจริงที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนับจากนี้ โดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย...
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเกาะกระแสการเลือกตั้งที่จะมาถึง “ทีมเศรษฐกิจ เดลินิวส์” จึงได้ออกไปถามไถ่ความคิดเห็นที่มีต่อ “รัฐบาลในฝัน” จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในหลากหลายอาชีพทั้งแม่ค้า คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ข้าราชการเกษียณ หรือแม้แต่นักศึกษา ที่กำลังรอความหวังจากการบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ ทั้งในเรื่องของรัฐบาลที่เขาอยากได้ คุณสมบัติของรัฐบาลและบุคคลที่จะก้าวเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อหวังให้กระบอกเสียงเล็ก ๆ เหล่านี้ได้ส่งผ่านความคิดความต้องการที่แท้จริงไปยังรัฐบาลชุดใหม่ ที่จะเข้ามารับหน้าที่บริหารประเทศในอนาคตอันใกล้นี้.
ประเดิมที่ ’น.ส.วัชรี กาหลง“ แม่ค้าขายเสื้อผ้า ในเขต กทม. ที่วาดฝันไว้ว่า รัฐบาลชุดใหม่ขอให้เป็นรัฐบาลที่ทำงานอย่างจริงจัง ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใดก็ตาม ทั้งรัฐบาลที่เคยเป็นอยู่แล้ว หรือรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองอื่นที่กำลังมาแรง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ต้องทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นกว่าปัจจุบันนี้
ที่สำคัญในฐานะที่เป็นคนทำมาหากินหาเช้ากินค่ำ ไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายใด ๆ เกิดขึ้นกับประเทศชาติอีกแล้ว ที่ผ่านมาค้าขายลำบากมาก ต้นทุนสินค้าก็เพิ่มขึ้นสูงมาก ขณะที่ไม่สามารถขายของในราคาที่สูงขึ้นตามไปได้ ทำให้จากที่เคยมีกำไรพอเลี้ยงชีพของตนเองกลับลดลงจนทำให้การใช้ชีวิตต้องเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“เรียกได้ว่าในปีที่ผ่านมา ต้องกินบุญเก่ามา จากการที่ทำมาหากินแล้วไม่ได้ใช้เงิน ทำให้เมื่อข้าวของต่าง ๆ แพงขึ้น แต่ไม่สามารถขายราคาสูงขึ้นตามไปได้ ก็ต้องนำเงินเดิมที่เก็บไว้ออกมาใช้ตลอด ดังนั้นรัฐบาลใหม่ที่เข้ามา แค่ขอให้ทำเศรษฐกิจให้ดีตั้งแต่ระดับล่างขึ้นมา ทุกอย่างก็จะดีเอง”
ขณะที่ ’คำคม เที่ยงสวัสดิ์“ วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กล่าวว่า อยากได้รัฐบาลที่เป็นคนดี มีความจริงใจต่อประชาชน และสามารถเข้าถึงประชาชนได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่มีแต่นโยบาย พูดแล้วไม่มาดูแล หลังการเลือกตั้ง ก็ไม่ลงมาช่วยแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจังเหมือนตอนก่อนเลือกตั้ง
“แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาล มีนโยบายช่วยเหลือกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ก็ทำไม่ได้ เช่น โครงการประชาวิวัฒน์ ที่บอกว่าจะช่วยเหลือกลุ่มคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่พอพวกผมไปขอเข้าร่วมโครงการ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บอกว่า ติดปัญหาเงื่อนไขต่าง ๆ ไม่ครบสารพัด ก็เข้าร่วมโครงการไม่ได้”
ดังนั้น ’รัฐบาลใหม่“ ที่จะเข้ามานี้ อยากฝากให้ช่วยเหลือดูแลทั้งเรื่องราคาน้ำมัน และการปรับขึ้นค่าโดยสารให้ด้วย เพราะวินมอเตอร์ไซค์ไม่สามารถกำหนดเองได้ ทั้ง ๆ ที่ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งอยากให้ช่วยดูแลราคาสินค้าไม่ให้ข้าวของแพงจนเกินไปนัก
หันมาที่ นางจินตนา แซ่เตียว แม่ค้าขายกาแฟโบราณ แถวกระทรวงการคลัง บอกถึงความฝันของตัวเองว่า ทั้งรัฐบาลชุดใหม่และนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ ต้องเป็นแบบตาชั่ง ที่พอดี ๆ ไม่เอียง ไม่ขาด ไม่เกิน เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีเรื่องขัดแย้งใด ๆ กันอีก และอยากให้รัฐบาลใหม่เข้ามาช่วยควบคุมราคาสินค้าอย่าให้แพงนัก เพราะขณะนี้ต้นทุนทุกอย่างสูงขึ้น พวกพ่อค้าแม่ขายหาเช้ากินค่ำก็ลำบาก จะขายของแพงขึ้น หรือตักให้น้อยลงก็แย่ เพราะลูกค้าไม่ซื้อ ยิ่งทำให้ขายของได้น้อยลงไปอีก
“นักการเมืองที่เห็น ๆ กันอยู่ในเวลานี้ มีแต่เมื่อเข้ามาแล้ว ต่างคนก็ต่างตักตวงเอาแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง ส่วนประชาชนก็รับเละ ปัญหาทุกอย่างตกมาอยู่ที่ประชาชนหมด และโดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้าอย่างเราก็ห่วงแต่เรื่องปากท้อง คนค้าคนขายของไม่ได้ ยิ่งลำบาก บางวันขาดทุน เพราะของแพงมาก ถ้าขายถูกก็ขาดทุน ขายแพง คนก็ไม่ซื้อ อยากฝากให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยดูแลด้วย หากรัฐบาลชุดใหม่เข้ามา สิ่งแรกที่ต้องดำเนินการเลยทันทีคือดูแลเรื่องปัญหาปากท้องชาวบ้านอย่างเรา ๆ เพราะหากไม่ทำเรื่องนี้ ประชาชนคนไทยคงต้องเดือดร้อนและไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่ที่ความฝันของเราจะเป็นจริง”
เช่นเดียวกับ ป้าสุดา บวรสาโชติ อายุ 56 ปี ที่ยึดอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวมานานกว่า 20 ปี ได้กล่าวกับเดลินิวส์ว่า ฝันอยากได้รัฐบาลที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น มีเงินในกระเป๋ามากขึ้น อยากได้รัฐบาลที่ตั้งใจเข้ามาทำงานช่วยเหลือชาวบ้านให้ดีขึ้น อยากให้เร่งแก้ปัญหาสินค้าแพง เพราะตอนนี้ราคาสินค้าสูงขึ้นมาก ทำให้คนไม่ค่อยใช้จ่ายสินค้าเหมือนแต่ก่อน เลยกระทบชิ่งพ่อค้าแม่ค้าขายของได้น้อยลงด้วย และถ้านโยบายไหนที่ดีอยู่แล้ว ก็อยากให้สานต่อไปเลย เช่น นโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค ที่ผ่านมาตนเคยประสบอุบัติเหตุ โดนรถชน ถ้าไม่ได้บัตรทอง 30 บาท ตนและครอบครัวคงลำบาก เพราะไม่มีประกันสังคมแบบอาชีพอื่น
“ตอนนี้เชื่อว่า ความรู้สึกของคนไทยทุกคน ต้องอยากได้รัฐบาลที่สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้ เลิกทำให้คนไทยแบ่งสีแบ่งฝ่าย ป้ารู้สึกเบื่อมาก มีปัญหาที ลูกค้าก็หายที แล้วอยากให้มีนักการเมืองดี ๆ เข้ามาทำงาน ช่วยทำให้ชาวบ้านรวยขึ้นด้วย ไม่ใช่รวยแต่ตัวเอง และอีกอย่างอยากได้รัฐบาลที่มีคนในรัฐบาลเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กด้วย บางวันหลานป้า นั่งดูทีวี ก็ถามว่า ทำไมผู้ใหญ่ชอบด่ากันไปด่ากันมา ป้าก็ได้แต่สอน เป็นตัวอย่างไม่ดี อยากให้อายเด็กบ้าง เพราะต้องยอมรับว่าเรื่องเหล่านี้แม้บางคนเห็นว่าไม่สำคัญแต่อาจสำคัญสำหรับเด็กก็ได้”
ไม่แตกต่างกับ ข้าราชการเกษียณอย่าง ’สุพัฒน์ เพ็งมาก“ อายุ 66 ปี ที่ฝันไว้ว่า รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาต้องทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ที่สำคัญ…ต้องแก้ปัญหาความขัดแย้งของคนในประเทศให้ได้โดยเร็วที่สุด รวมทั้งอยากได้รัฐบาล พูดจริง ทำจริง ไม่โกงกินบ้านเมือง ไม่ใช่วัน ๆ คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง
“อยากได้รัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ เชี่ยวชาญในการบริหารหน่วยงานอย่างแท้จริง ไม่ใช่มาจากการตอบแทนบุญคุณ หรือเป็นนายทุนพรรค แต่ไม่มีความสามารถ สุดท้ายก็ได้แต่เรื่องที่ตอบแทนตัวเอง ตอบแทนพรรค ไม่เคยตอบแทนประชาชน ที่ต้องเสียภาษีเป็นเงินเดือนให้นักการเมือง แถมต้องเสียเวลาเดินทางไปเลือกพวกคุณ ซึ่งอยากให้แก้ปัญหาประชาชนจริงจัง”
ด้าน น้องสิริชัย บงกชเกตุสกุล นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง เปิดใจว่า รัฐบาลจะมาจากขั้วไหนคงไม่สำคัญ ขอแค่เมื่อเข้ามาทำงานแล้วต้องซื่อสัตย์ อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง และที่สำคัญสิ่งที่เคยให้สัญญาไว้กับประชาชนก็ควรเร่งทำด้วย โดยเฉพาะต้องคิดถึงความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน
“การเลือกตั้งครั้งนี้เชื่อว่าคงแข่งกันอย่างดุเดือด แต่หลังการเลือกตั้งมันน่าจับตามองมากกว่า สิ่งที่ผมอยากได้คือ อยากเห็นรัฐบาลที่พูดจริง ทำจริง เห็นแก่พี่น้องประชาชนมากกว่าประโยชน์ส่วนตัวหรือของพรรคพวก และที่สำคัญเมื่อเข้ามาทำหน้าที่แล้ว ต้องทำงานอย่างโปร่งใส ไม่โกงกิน ทำแล้วต้องสามารถตรวจสอบได้ และสิ่งไหนที่เคยสัญญาหรือว่าจะทำในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ก็ควรวางแผนให้ดีให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาวต่อไป”
ส่วน ’รัตนา เมฆหมอก“ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม คณะนิเทศศาสตร์ แขนงวารสารศาสตร์ ให้ความเห็นว่า อยากได้รัฐบาลที่ตั้งใจในการทำงาน ไม่ใช่แค่อยากได้มาซึ่งอำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศหรือเงินทอง ที่จะตามมาในอนาคต อยากให้มองเห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ช่วงนี้เป็นก้าวสำคัญที่เราทุกคนที่มีสิทธิในการเลือกรัฐบาลในฝัน เพราะการที่เราจะเลือกคน ๆ หนึ่งขึ้นมาเป็นผู้นำ ด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ใช่เรื่องง่าย นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ประเทศไทยย่ำอยู่กับที่เพราะคนในประเทศขาดความรู้และความเข้าใจ การที่เราเลือกผู้นำที่ซื้อเสียงเข้ามาก็ไม่ต่างจากการเลือกคนกระหายเงินและหิวอำนาจเข้าไปดูแลเรา
รัฐบาลที่ขายฝันให้กับคนจนไปวัน ๆ ขอให้รู้ไว้ว่า เขาเลือกคุณมาเพราะเขาเชื่อว่าคุณจะช่วยและให้ในสิ่งที่เขาต้องการ อย่าปิดกั้นสิ่งที่ดี ๆ ที่จะทำให้ประชาชน อย่ามัวแต่ทะเลาะกันเอง เพราะการไม่รู้จักบทบาทหน้าที่ของตัวเองทำให้สังคมวุ่นวายอย่างไม่รู้จบ รัฐบาลที่ได้มาควรมีอุดมการณ์และมีความศรัทธาในตัวเอง ต่อให้เลือกรัฐบาลใหม่อีกสักกี่ล้านกี่พันรอบ เชื่อว่าองค์กรทุกองค์กรมีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันอยู่ ขึ้นอยู่ว่า ใจของใครจะแข็งแรงและทนต่อความยั่วยุได้ดีกว่ากัน
ขณะที่ ’กานต์ชนิต์ชา เสนีวงศ์ ณ อยุธยา“ เจ้าหน้าที่การตลาด บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป อายุ 28 ปี ระบุว่า อยากได้รัฐบาลที่เน้นทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ไม่ใช่ลงทุนตอนหาเสียง เพื่อมากอบโกยผลประโยชน์ตอนที่เข้ามาบริหารประเทศ อยากให้การเมืองแบบเดิม ๆ หายไปจากประเทศไทย รวมทั้งอยากได้ผู้บริหารที่เข้ามาบริหารแต่ละกระทรวง ให้มีความเชี่ยวชาญในกระทรวงนั้นจริง ๆ ไม่ใช่เป็นการเกลี่ยผลประโยชน์กันให้ลงตัวเท่านั้น
อยากให้รัฐบาลจริงจังในการเร่งดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ทำอย่างไรให้ประชาชนมีรายได้ที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดี เหมือนนโยบายที่ประกาศตอนหาเสียง และอยากให้มีแนวทางที่ทำให้คนไทยกลับมาสามัคคีกัน เป็นเสน่ห์ของคนไทยอย่างมาก ประเทศไทยน่าเสียดายมาก เพราะมีทรัพยากรทุกอย่างครบถ้วน แต่ไม่เคยใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ขณะที่ประเทศอื่นไม่มีทุกอย่างเหมือนไทย แต่กลับเจริญก้าวหน้า เพราะเขามีรัฐบาลที่เข้มแข็ง เดินหน้าเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
นี่....เป็นเพียงเสียงสะท้อนเพียงเล็กน้อยของคนไทยที่เป็นเจ้าของประเทศที่ ’มีสิทธิมีเสียง“ อย่างถูกต้องที่มีสิทธิจะได้รับในสิ่งที่ดี ๆ จากคณะบุคคลที่เข้ามาบริหารประเทศอย่างแท้จริง!!!.
ขอขอบคุณรายงานข่าวและภาพประกอบจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์