แฟนเก่า
เมื่อพูดถึงคำว่า “นักสืบ” ท่านคงนึกถึงภาพตำรวจ วิ่งตามจับผู้ร้าย จะมีซักกี่คนที่รู้จักนักสืบเอกชน ถ้าไม่จำเป็นหรือเข้าตาจนจริงๆ คงไม่นึกถึงนักสืบเอกชน ลูกค้าบางคนบอกกับนักสืบว่า ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าจะได้ใช้บริการนักสืบ เคยเห็นนักสืบกุ้งให้สัมภาษณ์ออกทีวีบ่อย ๆ ก็รู้สึกเฉย ๆ ได้แต่ปลื้ม “เอ๊ะ! หญิงคนนี้ทำงานแกร่งเหมือนผู้ชายเลย” นี่เป็นคำพูดที่ลูกค้าหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเล่าให้ฟัง ขณะเดินเข้ามาหานักสืบกุ้งที่สำนักงาน เธอบอกว่าในขณะนั้น เธอไม่มีเหตุใดต้องไปใช้บริการ แต่มาวันนี้เธอมีความจำเป็นบางอย่างที่อยากรู้ จึงค้นหาชื่อนักสืบในอินเตอร์เน็ต โอ้โห้ นักสืบเต็มไปหมดเลย กว่าจะได้เบอร์โทรศัพท์นักสืบกุ้ง ต้องโทรไปสอบถามและขอเบอร์มาจากรายการ VIP “มันยากขนาดนั้นเลยหรือคะพี่” ดิฉันถาม “นักสืบพี่เห็นโฆษณากันมากมาย แต่พี่ไม่ไว้ใจ เพราะเคยดูคุณกุ้งในทีวี เลยไว้ใจ เป็นหญิงเหมือนกันคงเข้าใจพี่นะ เพราะเรื่องของพี่มันแปลก คงไม่มีใครทำเหมือนพี่มั้ง” ตงลงพี่จะให้สืบเรื่องอะไรคะ ติดตามพฤติกรรมสามีหรือ? ” “เปล่า ! ” พี่อยากเจอเพื่อนเก่าคนหนึ่ง..คิดถึง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน อยากรู้ว่าเขาสบายดีมั้ย ” “เอ้า...พี่ก็แค่นัดเจอไม่เห็นอยากเลย” กว่าเธอจะเข้าเรื่องได้...พาดิฉันวนไปสามกิโลได้มั้ง สุดท้ายก็สรุปได้ว่า คนที่เธออยากเจอคือแฟนเก่า
เมื่อสมัยเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วยกัน ฐานะทางบ้านเธอสู้เขาไม่ได้ พ่อแม่ฝ่ายชายรังเกียจ ถูกกีดกัน หาว่าเธอยากจนไม่อยากได้ลูกสะใภ้จนๆ ภาพเหล่านั้นมันติดสมองเธอมาตลอด ปัจจุบันโลกเปลี่ยนไปแล้ว เธอแต่งงานมีครอบครัวที่อบอุ่นเป็นเจ้าของธุรกิจ อยู่ๆ ก็นึกอยากเจอแฟนเก่าคนนี้ แต่ไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่ไหน ทำอะไร แต่รู้ว่าเขามีครอบครัวเป็นหญิงที่พ่อแม่จัดการให้ เธอบอกไม่ได้คิดจะทำอะไรมากไปกว่าแค่ได้เจอสักครั้งเท่านั้นก็พอ ที่ไหนก็ได้ที่เป็นสาธารณะ เธอไม่ทราบข้อมูลของแฟนเก่ามากนัก เพราะไม่เจอกันเกือบ 30 ปี เธอบอกชื่อ-สกุล ที่เหลือเป็นหน้าที่ของนักสืบที่ต้องไปสืบหาข้อมูลเอง เธอไว้ใจนักสืบ ส่วนดิฉันก็ไว้ใจเธอเพราะเธอกล้าเปิดเผยตัว มาพบนักสืบถึงสำนักงาน คงไม่น่าจะมีอย่างอื่นแอบแฝง ดิฉันจึงรับทำงานนี้ หลังจากนั้นก็ได้หาข้อมูลเบื้องต้น ได้ที่อยู่บ้านพัก ทำงานรับราชการตำแหน่งเป็นระดับผู้บริหาร ทีมงานเราต้องเริ่มต้นติดตามตั้งแต่ออกจากบ้าน งานนี้จึงได้มอบหมายให้นักสืบส้มโอและน้องแน๊กกี้ เป็นคนรับผิดชอบ งานนี้ดูเหมือนไม่อยากอะไร วันแรกที่ทีมงานไปเฝ้าเริ่มตั้งแต่ที่บ้าน ส้มโอและแน๊กกี้ ถึงหน้าบ้านเป้าหมายตั้งแต่ 06.00 น. เห็นมีรถกระบะ 4 ประตู จอดอยู่หน้าหนึ่งคัน ซึ่งไม่ทราบว่าใครจะเป็นใช้รถคันดังกล่าว ในหมู่บ้านนี้มี รปภ. ดูแลค่อนข้างเข้มงวด ถ้าจอดรถนานจะเริ่มสงสัย ขี่จักรยานวนไปมาหลายรอบ ส้มโอเห็นโทรมาถามดิฉันว่าจะให้ทำอย่างไร เป้าหมายก็ยังไม่เห็น รถก็จอดไม่ได้ ดิฉันให้ส้มโอบรรยายสถานที่ให้ฟัง พอเข้าใจแล้ว ตรงบริเวณใกล้ๆ มีสนามเด็กเล่น “งั้นก็ให้แน๊กกี้ไปเดินเล่นในสนาม แล้วกันนะ ตัวเล็กนิดเดียว ยามคงไม่สงสัยหรอก ส้มโอเอารถไปจอดข้างนอก ถ้ามีความเคลื่อนไหวสื่อสารกันแล้วค่อยวนรถเข้ามารับ” ทุกอย่างทำตามแผนนั้น แน๊กกี้มีหน้าที่จ้องว่าเป้าหมายเคลื่อนไหวตอนไหน ในขณะที่แน๊กกี้กำลังโล้ชิงช้าอยู่นั้น เสียงสตาร์ทรถดังมาจากหน้าบ้านเป้าหมาย เห็นเป็นชายวัยกลางคนเป็นขับ แน๊กกี้ตกใจรับโทรหาล้วงกระเป๋าจะโทรหาพี่ส้มโอ แต่ล้วงอย่างไรก็หาโทรศัพท์ไม่เจอ ทำไงดีละจะร่วงในรถแน่เลย แน๊กกี้ใส่เกียร์ผี วิ่ง 4x100 ไปหน้าหมู่บ้าน ในขณะนั้นรถเป้าหมายก็พ้นสายตาไปแล้วเช่นกัน ติดต่อทีมงานก็ไม่ได้ เป้าหมายก็หาย นั่งลิ้นห้อย “ฮัลโหลๆๆพี่กุ้ง” มีเสียงหอบแฮกๆๆๆ แทรกมาด้วย “เป็นอารายแน๊ก” “พี่โอๆๆ โทรหาพี่โอให้หน่อย.. เป้าหมายไปแล้ว แน๊กลืมโทรศัพท์ไว้ในรถติดต่อพี่โอไม่ได้” “อ้าว! ทำไมไม่โทรไปหาพี่โอละ แน๊กจำเบอร์พี่โอไม่ได้” (เวรกรรม นักสืบ..จำเบอร์ติดต่อกันไม่ได้ จบเห่) หลังจากวางสายกับแน๊กกี้แล้วดิฉันโทรก็โทรไปส้มโอทันที “เป็นไงบ้าง” “ตามอยู่พี่ ไม่รู้แน๊กมันหายไปไหน ติดต่อมันไม่ได้ มันดันลืมมือถือไว้ในรถ” “ตามไปถึงจุดหมายก่อนแล้วว่ากัน โอเคนะ” เฮ้ย เหนื่อยใจจริ้ง จริง มีหลายแบบเหลือเกินนะลูกน้องเรา เหตุการณ์ผ่านไปชั่วโมงกว่า ส้มโอโทรมาบอกว่าเป้าหมายไปที่ห้างโลตัส จอดรถไว้ในลานจอด แน๊กกี้ได้ติดตามไปเจอส้มโอเรียบร้อยแล้ว เป้าหมายเดินเข้าไปโลตัส ซึ่งยังเช้าอยู่ร้านค้ายังเปิดไม่เยอะ ส้มโอจึงบอกแน๊กกี้ให้เดินเข้าดูเป้าหมายในห้างหน่อยว่าไปทำอะไร ในขณะที่แน๊กกี้เดินเข้าไป เป้าหมายก็เดินสวนออกมาอีกประตูหนึ่ง ขึ้นรถสตาร์ทขับออกจากลานจอดทันที ส้มโอรีบโทรบอกแน๊กกี้ให้รีบมาที่รถ แน๊กรับโทรศัพท์ วิ่งหน้าตาตื่น ตามรถยนต์ของส้มโอ ส้มโอไม่ยอมรถเพราะเกรงว่าจะตามเป้าหมายไม่ทัน ประกอบกับแน๊กกี้ขาสั้นสูงแค่ 148 ซม ตัวเล็กมาก เป้าหมายถึงถนนใหญ่ทางออกรถติด โชคดีของแน๊กกี้ไป แน๊กกี้พูดไปหอบไป “ตั้งแต่ทำงานสามเดือนหนูวิ่งตลอดเลย” แต่เคสนี้สุดๆ ดิฉันฟังก็ขำ ในขณะทำงานดิฉันรายงายให้ผู้ว่าจ้างทราบตลอด เธอบอกว่า “งั้นบ่ายนี้ ว่างพี่จะไปดักเจอเค้าที่ทำงานนะ” เหตุการณ์เหมือนจะจบ เป้าหมายออกจากห้างแล้วเข้าไปที่ทำงาน เวลาใกล้เที่ยงนักสืบใจจดจ่อว่าเป้าหมายจะออกมากินข้าวหรือเปล่า เพราะวันนี้มาสาย เวลาผ่านไปเกือบบ่ายโมง เห็นเป้าหมายเดินไปที่รถขับออกไปข้างนอก ทีมงานแจ้งมาดิฉันรีบโทรบอกเธอทันที ถ้าทั้งพบกันแล้ว งานเราก็จบ เธอบอกว่าจะรีบขับรถออกไปให้ตามไปก่อน ส้มโอและแน๊กกี้ ขับรถตามไป เห็นเป้าหมายแวะรับหญิงสาวหน้าพอใช้ได้หน้าสถานที่ทำงานไปด้วยกัน ดูจากป้ายห้อยคอและการแต่งตัวคงอยู่หน่วยงานเดียวกัน คาดเดาว่าอาจจะเป็นลูกน้องในหน่วยงาน คงจะไปหาอะไรทานหรือไม่ก็ไปติดต่องานออก ทีมงานขับรถติดตามไปเรื่อยๆ “เลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูดไปแล้ว” “พี่กุ้งเอาไงดีล่ะ มันเข้าม่านรูด “ “ก็ตามเข้าไปเลยซิ” “ จะดีหรือพี่” “เข้าไปเลย ทำตัวเป็นทอมดี้ แสดงให้สมจริงหน่อย จะได้รู้ว่าเข้าห้องไหน “ เห็นแล้วพี่ ห้อง 201” ดิฉันรีบรายงานให้เธอทราบว่าตอนนี้แฟนเก่าเธอพาสาวเข้าโรงแรมม่านรูดไปแล้ว “จริงเหรอคะคุณกุ้ง” งั้นพี่เปลี่ยนใจแล้วไม่ไปเจอดีกว่า จบแค่นี้พอ เสียความตั้งใจหมดเลยคิดว่าจะไปทำเซอร์ไพรส์ เวลาราชการยังแอบพาลูกน้องมานอน สมภารกินไก่วัดนี่ ..เฮ้ย! คนเรานะอะไรมันก็ไม่แน่ไม่นอน..มีเงินซะอย่าง ทำอะไรก็ได้ ซื้อความสบายใจยังได้เลย เห็นมั้ยคะนักสืบเอกชนมีประโยชน์ตั้งหลายอย่าง คิดไม่ออกบอกใครไม่ได้ นึกถึงนักสืบกุ้งนะคะ!