สัญญาจ้างผัว
กริ๊งๆ เสียงโทรศัพท์ดังแต่เช้าตรู่ สวัสดีคะ ! เสียงปลายทางเป็นหญิงวัยกลางคน “คุณกุ้งหรือเปล่าคะ” “ค่ะ” มีเรื่องจะให้คุณกุ้งช่วยหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องของดิฉันหรอกคะเป็นของเพื่อน บ่ายๆคุณกุ้งว่างมั้ย จะพาเพื่อนเข้าไปพบที่สำนักงาน” “บ่ายสองโมงนะคะ” กะจะนอนต่อคงไม่ได้ รีบลุกอาบน้ำแต่งตัวเข้าออฟฟิตทันที นั่งทำงานไปจนถึงบ่ายสองโมง ลูกค้าที่นัดไว้ยังไม่มา เวลาผ่านไป 10 นาที ดิฉันรับสายจากลูกค้าบอกว่าเธอสอบถามทาง ตอนนี้หลงไปถึงหลักสี่ เธอมาจากจังหวัดสมุทรปราการ พึ่งมาแถวนี้เป็นแรก เลยไม่คุ้นเส้นทาง .. อธิบายเส้นทางอย่างละเอียด ผ่านไป 30 นาที มีหญิงวัยกลางคน 2 คน เดินเข้ามาถามหานักสืบกุ้ง “สวัสดีคะ เชิญคะ “ ดิฉันพาไปห้องส่วนตัว เสิร์ฟน้ำ กาแฟ เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มเล่าเรื่องกันเลย เจ้าตัวที่เดือดร้อน ได้บอกว่าดิฉันว่าได้ให้เพื่อนติดต่อมาหาดิฉัน เพราะตัวเองไม่สะดวกคุย ส่วนใหญ่จะอยู่กับสามี ตัวเจ้าปัญหานั่นแหล่ะ ที่ต้องมาพึ่งนักสืบให้ช่วยติดตามพฤติกรรม เธอเล่าย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน สามีเคยรู้จักกับเด็กสาวคนนึงอายุลูก เป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหาร และได้ส่งเสียเลี้ยงดูกันเช่าห้องให้อยู่ และส่งเสียเรียนระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง เธอได้ตามสืบจนเจอตัวหล่อนขณะนั่งรถไปกับสามี และได้ปะทะคารมกัน หล่อนบอกกับเธอว่า “ก็นู๋เป็นเมียเหมือนกัน” เธอเลือดขึ้นหน้า ได้จัดการหล่อนไปอย่างสมใจ จนหล่อนรับปากว่าจะเลิก เธอคุมสามีทุกอย่างเรื่องเงินทอง ไม่ว่าจะไปไหนเธอก็เป็นเงาตามตัวตลอด เวลาผ่านไป 4-5 ปี ทุกอย่างปกติ เธอก็เริ่มปล่อยสามีเป็นอิสระเหมือนเดิม “ตอนนี้ออกลายอีกแล้วคะ คุณกุ้ง ทุกเช้าตีห้า จะออกจากบ้าน บอกว่าไปสภากาแฟกับเพื่อนๆ ตามประสาคนแก บ่ายต้องไปเล่นไพ่นกกระจอกกับเพื่อน แต่แปลกใจเงินหายไปเยอะมาก เธอสอบถามก็บอกว่าเล่นไพ่เสีย ไม่น่าเป็นไปได้นะกับแค่เล่นไพ่นกกระจอกเนี๊ย! “พี่น่ะอยากรู้ว่าเขายังติดต่อกับอีนั่น..อยู่อ่ะป่าว คุณกุ้งช่วยพี่หน่อยนะ” “ คะ!พี่จะเริ่มงานวันไหน เหมาเป็นสัปดาห์ไปเลยนะพี่” “ไม่คะ..คุณกุ้ง พี่ทำสัญญาจ้างเป็นเดือนเลยคะ” “เจอของจริงเข้าให้แล้วซิ”( ดิฉันคิดในใจ) สืบให้รู้เรื่องไปเลย ถ้าไม้ได้ผลนะ พี่จะต่อสัญญาอีก (เอาละซิงานนี้นักสืบต้องเป็นยามให้เธอด้วยนะ) พูดจบเธอควักตังค์ออกจากกระเป๋ามาจ่ายให้ดิฉันเป็นหลักแสน เธอบอกว่าที่ยอมให้ดิฉันเพราะไว้ใจ ได้ยินชื่อเสียงมานาน เพื่อนแนะนำเพราะเห็นออกสื่อบ่อยๆ แบบนี้จะเข้าสุภาษิตไทยหรือเปล่า “เสียทองท่วมหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใคร” เธอและสามีเป็นคนจีน อดีตเคยยากจนมาก่อน เป็นแม่ค้าในตลาด ค้าขายเก็บเงินจนมีฐานะ ส่งลูกๆไปเรียบจบเมืองนอกทุกคน ตอนหลังเปิดกิจการเป็นของตนเอง มีลูกจ้างเป็นร้อยคน ทุกคนในตลาดต่างชื่นชมครอบครัวเธอว่า เป็นครอบครัวตัวอย่าง เพราะเริ่มต้นมาจากศูนย์ เพราะฉะนั้นเธอจึงเจ็บใจที่สามีจะเอาเงินทองที่มาหามาได้ร่วมกันไปปรนเปรอหญิงอื่น เธอให้ข้อมูลของหญิงสาวที่สามีเคยไปติดพันมาด้วย ถ้าสามีไปเจอหล่อนที่ไหนให้โทรบอกทันที แต่ถ้าไปเที่ยวอาบอบนวดไม่ว่ากัน (เธอก็ใจกว้างเหมือนกันนะเนี่ย) เคสนี้ได้มอบหมายให้นักสืบส้มโอและทีมงานเป็นคนรับผิดชอบ
วันแรกของกันทำงาน ทีมงานต้องไปเฝ้าหน้าบ้านตั้งแต่ตี เพราะป๋าจะออกเช้ามืดไปสภากาแฟ กลัวว่าป๋าจะแอบไปหาใครระหว่างทาง เวลาใกล้หกโมงเช้า ป๋าขับรถออกจากบ้าน ขับซิ่ง ซอกแซกมา เพราะเป็นคนในพื้นที่ จะรู้เส้นทางดี เข้าซอยนี้ออกซอยโน้น ทำเอานักสืบเหงื่อตกตั้งแต่เช้าเลย พอป๋าลงรถมา “แม่เจ้าดูแต่งเข้าซิ กางเกงขาห้าส่วน เสื้อโปโลสีชมพู รองเท้าผ้าใบวัยรุ่นซะ แต่หน้าป๋าจะเหี่ยวไปสักนิด (แบบนี้ต้องโบท๊อกหน่อยนะป๋า) ในกลุ่มของป๋า 4-5 คน อายุรวมกันแล้วก็เกือบ 400 นี่ละน้า..ที่เค้าบอกว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ป๋านั่งเสวนากับเพื่อนๆ เสร็จแล้วก็ขับรถกลับเข้าไปบ้าน บ่ายก็ออกมาไปบ้านเพื่อนเพื่อเล่นไพ่ มีแอบคุยโทรศัพท์บ้าง แต่ยังไม่แวะหาอีนู๋ที่ไหน มีอยู่วันนึงป๋าไปเบิกเงินที่ธนาคารและเงินหายไปสามหมื่นบาท ในระหว่างทางที่นักสืบตามไม่เห็นป๋าแวะที่ไหนเลย ออกจากธนาคารกลับเข้าบ้านเลย เธอถามนักสืบว่า “ไม่คลาดสายตาแน่นะ” นักสืบส้มโอยืนยันนอนยันกันเลย ว่าไม่แวะที่ไหนออกจากธนาคารแล้วก็ดิ่งตรงเข้าบ้าน เธอยิ่งระแวงนัก สงสัยสามีจะโอนจากธนาคารนั่นแหล่ะไปไหนมัน “อย่าให้พี่จับได้นะ...มึงตาย” ทุกฝีก้าวที่ป๋าออกจากบ้าน นักสืบจะต้องโทรรายงานผู้ว่าจ้างตลอดทุกความเคลื่อนไหว เธอเน้นนักหนาว่า..ถ้าไปเจออี..บอกด่วน พี่จะจัดการมันเอง คุณกุ้งบอกทีมงานไม่ต้องกลัว นี่เวลาผ่านไปเกือบจะเดือน ยังไม่เห็นป๋าไปเจอหญิงไหนเป็นพิเศษเลย มีวันนึงที่ป๋าไปนั่งดื่มไวน์และมีเด็กเสริ์ฟเป็นสาวน้อยมายืนดูแลที่โต๊ะอาหาร นักสืบก็รายงานและส่งภาพถ่ายไปให้ดู ยังไม่เห็นความผิดปกติ แต่เธอเครียดไม่อยากให้สามีไปคุยกับใคร เธอรีบโทรหาดิฉันเพื่อขอคำปรึกษาว่าเธอให้สามีทำสัญญาว่า “จะต้องไม่ไปมีอะไรกับหญิงคนอื่น” “อะไรนะพี่” “คือพี่จะให้เค้านอนด้วยทุกวัน เค้าจะได้ไม่ไปมีหญิงอื่น” แบบนี้ทำได้มั้ยคะคุณกุ้ง “พี่ลองคุยกับเค้าก่อนดีกว่ามั้งคะ ถึงขั้นทำสัญญาเลยเหรอ” เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เธอเล่าอีกว่า คุณกุ้ง “ช่วงนี้พี่นอนกับเค้าทุกวันคืนเลย แต่ทำไมเขายังดูกระวนกระวายอยู่อีกล่ะ” (เอาละซิศิรานี...เป็นนักสืบแล้วต้องเป็นศิรานีด้วยนะ)เอายังงี้ดีมั้ยคะพี่จะให้...เค้า 2 ครั้งต่อคืนเลยดีมั้ย (เรื่องนี้นักสืบกุ้งก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าสามีเธอจะชอบเปล่า) ลูกค้าดิฉันรายนี้ดูจะหมกมุ่นกับเรื่องนี้จริงๆ เธอคงระแวงมากไปจนเครียด ท่านผู้อ่านเคยเจอแบบนี้มั้ยคะ ไม่รู้ปัญหาที่เกิดมาจากใครกันแน่ ตอนนี้เรื่องสืบไม่ต้องสนใจแล้ว รับจ้างเป็นศิรานีดีกว่า เคสนี้สุดๆไปเลยคร้า...มีปัญหาปรึกษานักสืบกุ้งได้คะ