คิดว่า....ไม่รอด
เสียงปลายทางโทรศัพท์มาหานักสืบกุ้งที่เป็นแฟนคลับคอลัมนิสต์ นิตยสาร COP’MAGAZINE อยากเข้าพบไม่ต้องการคุยรายละเอียดทางนี้ “เรื่องด่วนครับพรุ่งนี้จะเข้าไปพบ” ได้เวลานัดหนุ่มหน้าตาดี อายุประมาณ 50 ปี เข้ามาที่สำนักงาน ขอห้องส่วนตัวคุย เพราะไม่อยากให้รู้ ดิฉันต้องปิดห้องรับแขกคุยเลย ห้ามรบกวน จะเรียกทีมงานเข้าไปร่วมด้วยก็เกรงใจ เขาเล่าว่า สงสัยภรรยาจะไปมีชู้ อยู่กินกันมาเกือบ 20 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน อายุประมาณ 10 ขวบ ซึ่งเขาและภรรยาได้ร่วมทำธุรกิจ ภรรยามีหน้าที่ดูแลเรื่องการเงิน ฝ่ายผู้ว่าจ้างเป็นคนทำงาน บริหารงานทุกอย่าง รวมทั้งเก็บเช็ควางบิลด้วย ทุกเช้าภรรยามีหน้าที่ไปส่งลูกที่โรงเรียน หลังจากนั้นเข้าออฟฟิต ทำงาน บ่ายๆ ออกจากออฟฟิต แล้วแต่เธอว่าจะไปไหน แต่ที่หลักๆ คือไปเสริมสวย ฟิตเนส ออกกำลังกายถึงเวลา 4 โมงเย็น จะไปรับลูกที่โรงเรียนกับบ้านเป็นแบบนี้ทุกวัน ระยะหลังรู้สึกว่าภรรยาเปลี่ยนไป ใช้จ่ายเงินทองเยอะ โทรศัพท์ไปก็ไม่ค่อยรับสาย อ้างว่าไม่สะดวก ถึงบ้านก็ไม่สนใจเอาใจใส่เหมือนเมื่อก่อน ห่วงแต่ความสวยงาม โมโหง่าย หงุดหงิด คุยด้วยก็ไม่สนใจ หาเรื่องทะเลาะด้วย “งั้นก็หย่ากันไปเลย” เธอบอก ประเด็นหลังยิ่งมีความสงสัยมากขึ้น จึงมีความประสงค์ให้ติดตามภรรยาประมาณ 2 สัปดาห์ “ผมว่าหนึ่งสัปดาห์อาจไม่ได้ผลครับเพราะเพิ่งจะทะเลาะกันเมื่อวาน เธออาจจะระวังตัว” เขาเอาภาพถ่ายภรรยาส่งมอบให้ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะอายุ 50 ปีแล้ว หุ่นรูปร่างดีมาก หน้าตาสวย สมกับเป็นนักธุรกิจ ข้อมูลเกี่ยวกับทะเบียนรถ สถานที่ติดตามเริ่มติดตามพฤติกรรมครบ ให้เริ่มงานได้ทันที
วันแรกของการทำงานเรื่อยไป จนผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ยังไม่พบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เธอไม่แว๊บไหนเลยนอกจากไปฟิตเนส สถานที่ออกกำลังกาย หลังจากนั้นไปต่อที่สนามเทนนิส แล้วไปรับลูกที่โรงเรียนกลับบ้าน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอหุ่นดีขนาดนี้ เธอดูแลใจใส่กับสุขภาพมาก ผู้ว่าจ้างเน้นหนักหนาว่าชั้นบนของสถานที่ฟิตเนสมีที่พัก เธออาจแอบขึ้นไปหาผู้ชายข้างบนก็ได้ บอกได้เลยว่าทีมงานเฝ้าประกบตลอดไม่มีทางคลาดสายตาเราแน่ เราเล่นเครื่องเล่นออกกำลังจนหอบเหนื่อย เพราะนานๆจะออกกำลังกายที เธอไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เล่นอย่างมีความสุข “ผมว่ามันต้องมีซิ” ยังไม่เห็นอะไรเลยค่า เราต้องถ่ายรูปรายงานทุกระยะ ถ้าตอบ line ช้า ก็จะโทรศัพท์มา โน่น นี่ นั่น ดิฉันไม่สะดวกให้ ส้มโอรับสายแทน “เจ้..อะไรของเค้าหนักหนาเนี่ย..ไม่เกิน 5 นาทีเลย โทรมาอีกล่ะ” คนมองกันหมดแล้ว จะเอาแบบนั้นแบบนี้ จากการสังเกตของเราทีมงานนักสืบ มีชายที่เธอสนิทสนมด้วย คอยส่งน้ำ ส่งผ้า หยิบโน่น นี่ ส่งให้ ถึงแม้จะไม่ได้แสดงออกอะไรมาก แต่ดูจากประสบการณ์ที่ทำงานด้านนี้มานานเกือบ 20 ปี “มีคนเดียวน่าสงสัยนะเฮีย” “คนนี้ผมรู้จัก เป็นเพื่อนเก่าเธอ เขาแต่งงานมีลูกมีเมียแล้วครับ ผมเคยคุยกับเขา เคยไปบ้านเขา ไม่น่าเป็นไปได้” “ งั้นก็ไม่มีคนอื่นที่น่าสงสัยแล้วค่ะ” ติดตามเธอมาเป็นเวลา 10 วัน จนเธอเริ่มสังเกตุ มองหน้า แต่เราทำเป็นไม่สนใจ ออกกำลังปกติ ค่าบริการวันละ 300 บาทต่อคน ถ้ารู้ว่านานแบบนี้เหมาเป็นเดือนดีกว่า นี่เกือบสองอาทิตย์แล้วนะเฮีย เธอไม่เป็นอย่างที่เฮียคิดนะ เราก็ท้อใจว่า “เฮียคิดเองเปล่านะส้มโอ” “นั่นซิ” เวลาว่างระหว่างนั่งรอ เราก็คิดจิตนาการไปด้วย จนกระทั่งวันสุดท้ายของการทำงานของเรา คิดว่าปิดจ๊อบนี้คงไม่ได้อะไร ที่ไหนได้ ช่วงบ่ายเธอเล่นเทนนิสเสร็จ ก็ขับรถออกจากสนามโดยมีเพื่อนชายนั่งไปด้วย เราขับรถตามไปห่างๆคิดว่าเธอไปหาอะไรกินมั้ง ที่ไหนได้เลี้ยวเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง เราตกใจและตื่นเต้น รีบโทรศัพท์หาเฮีย “เฮียเธอเข้าโรงแรมกับผู้ชายแล้วคะ จะเอาไงดี” “ชายที่ไหน” ก็เพื่อนเก่านะเฮีย “ผมว่าไม่ใช่มั่ง” “ไม่มีใครแล้วนะ” ผมจะรีบไปครับ คุณกุ้งรอก่อน นานหลายเดือนแล้วที่ไม่ได้เข้าม่านรูด 555 สมัยนี้เขาไม่ใช้บริการม่านรูดแล้ว เมื่อสมัยก่อนเป้าหมายเข้าม่านรูดบ่อย นักสืบก็ต้องเข้าไปด้วยค่า เพื่อเก็บหลักฐาน อย่าคิดอย่างอื่นคะ เวลาผ่านไป 30 นาที เฮียยังมาไม่ถึง บอกว่ารถติดอยู่ เราก็กลัวว่าเธอจะออกมาก่อน เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงเห็นรถเลี้ยวมาแล้ว เราชี้ห้องให้ เฮียจอดรถหน้าห้องเลย ดิฉันกับทีมงานหลบก่อนไม่อยากโดนลูกหลง เฮียเดินรีบไปเคาะประตู “ตายแน่งานเละแน่” ดิฉันเพ่นดีกว่า คอยฟังข่าวจากโจโจ้ ทีมงานอีกคน ให้เข้าไปสังเกตุการณ์แทน โจโจ้แอบดูอยู่ ไม่มีใครออกจากห้อง รถเฮียยังจอดขวางอยู่” “เฮียเป็นไงบ้างค่ะ” “เดี๋ยวผมคุยกับเค้าเอง คุณกุ้งกลับได้เลยครับ “วันนี้ยังไงก็จบแน่” (คิดในใจ) หมดภารกิจแล้วแต่ก็อยากรู้ว่ากิดอะไรขึ้น เวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง เห็นเฮียขับรถกลับออกไป แต่เป้าหมายทั้งสองยังอยู่ในห้อง “เจ้เธอปีนหน้าต่างออกไปแล้วรึป่าว” “บ้าไม่มีหรอกด้านหลังเป็นป่านั่นไง ทึบไปหมด” รึเขาอาจจะมาสวดมนต์กันมั้ง (บ้าไปแล้ว) ไม่นานเห็นเธอขับรถออกไปแต่ที่นั่งข้างๆ ไม่มีเพื่อนชายออกไปด้วย สงสัยจะบินไปแล้วมั่ง หลังจากเหตุการณ์วันนั้น เฮียไม่โทรหรือส่ง Line มาหาเลย เงียบไปเลย คงจบกันไปแล้ว ที่ไหนได้ ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ “ คุณกุ้งผมอยากให้ตามภรรยาสัก 2 วัน เธอรับปากว่าจะไม่ติดต่อกันอีก ช่วยดูให้ผมหน่อยว่ายังเจอกันอีกมั้ย” “ได้คะ สถานที่ เวลาเดิมนะค่ะ” เริ่มงานวันแรกครั้งที่สอง เราเริ่มรู้งาน ไปดักรอที่สถานที่ออกกำลังกายเลย มาแล้วนั่นไง ไม่มีรอบช้ำ แผลตรงไหน บนใบหน้าและร่างกายเลย (เราคิดว่าเธอช้ำมาทั้งตัวซะแล้ว) เธอก็ปกติ ออกกำลังกาย ไม่นานก็มีเพื่อนชายเข้ามาออกกำลังด้วย เอ๊ะ! ก็ยังเจอกันนี่ ไหนเฮียบอกว่าไม่เจอกันแล้วไง เรารายงานเฮียไป “แบบนี้ผมจะฟ้องได้มั้ยครับ” มีน้ำโหนิดๆ แต่เก็บอาการอยู่ ก็ตามที่แนะนำไปล่ะค่ะ ทำได้ตามกฎหมาย แล้วแต่เฮียจะเลือกแบบไหน ผมอยากจะฟ้องหย่า แต่ไม่ต้องการจะแบ่งสินสมรส แบบนี้ทำได้มั้ย เธอมีชู้ แบบนี้ผมไม่ให้ได้มั้ยครับ มันคนละเรื่องกันค่ะ จะมีชู้หรือไม่มี สามีภรรยาหย่ากัน สินสมรสก็ต้องแบ่งคนละครึ่ง ส่วนในเรื่องค่าทดแทนจากชายก็ว่ากันไป...เธอนี่โชคดีนะ ถ้าเป็นชายอื่นเธอคงเละคาห้องไปแล้ว ที่พาชายชู้เข้าโรงแรม คนใกล้ตัวใช่ว่าจะไว้ใจได้ บางคนก็กินบนเรือน ขี้บนหลังคา หลายครอบครัวอยู่กันเพื่อสังคม เพื่อหน้าตา สร้างภาพ แต่ปัญหาชีวิตมากมาย คิดอะไรไม่ออก บอกนักสืบกุ้งคะ