ทุกคนอยากให้คนอื่นทำอะไรตามใจตัวเอง หรือให้เป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ สุภาษิตฝรั่งเคยกล่าวไว้ว่า
บทความวันที่ 17 เม.ย. 2553, 00:00
มีผู้อ่านทั้งหมด 13816 ครั้ง
9. ใส่ใจในคำตอบ ถึงแม้จะไม่เป็นไปตามที่ตัวเองคาดหวัง
- ทุกคนอยากให้คนอื่นทำอะไรตามใจตัวเอง หรือให้เป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ สุภาษิตฝรั่งเคยกล่าวไว้ว่า “มองผู้อื่นอย่างที่เขาเป็น ไม่ใช่มองผู้อื่นอย่างที่เราอยากให้เป็น” “เรียนรู้ที่จะอยู่กับผู้อี่น อย่างที่ผู้อื่นเป็นไม่ใช่เรียนรู้หรือพยายามทำให้ผู้อื่นคิดหรือทำเหมือนเรา ซึ่งเป็นไปไม่ได้”
- นักทวงหนี้มักไม่พอใจ ถ้าลูกหนี้ไม่จ่ายเงินตามที่ตกลงนัดหมาย
- นักทวงหนี้ขั้นเทพ มักให้ความสำคัญกับคำตอบทุกคำตอบของลูกหนี้ที่ตอบสนองอย่างตั้งใจ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูล ในการโน้มน้าวให้ลูกหนี้ชำระหนี้ในโอกาสต่อไป การให้ความสำคัญในคำตอบของลูกหนี้ ที่บางครั้งไม่ตรงกับความต้องการของคนทวงหนี้ เท่ากับ ให้โอกาสลูกหนี้ นักทวงหนี้ฟังแล้วรับไม่ได้ เพราะไม่อยากให้โอกาสลูกหนี้ ความจริงไม่ใช่ ความจริงคือการให้โอกาสตัวเอง เพื่อที่จะมีโอกาสในการทวงหนี้ครั้งต่อไป ทำไมผมกล่าวเช่นนี้ เพราะถ้าคุณกดดันลูกหนี้ ที่ไม่ทำตามใจคุณ ครั้งต่อไปโทรศัพท์ไปทวงอีก ลูกหนี้จะไม่ให้ความร่วมมือ
10. ตอบสนองอย่างเข้าใจ
- คนเรามีเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ที่ต่างกัน คนเรามีความชอบต่างกัน ดังนั้นการที่ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้
หรือไม่ยอมพูดคุยกับท่านหรือไม่ให้ความร่วมมือ ท่านจะต้องเข้าใจลูกหนี้ว่า ลูกหนี้อาจมีเหตุผล
อันสมควรก็ได้ หลังจากนั้นผมแนะนำให้ท่านต่อยอดโดยอาศัยความเข้าใจอย่างสร้างสรรค์ในตัว
ลูกหนี้ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายร่วมหรือความเข้าใจกันบางส่วน ซึ่งจะเป็นการสร้างความยอมรับซึ่ง
กันและกัน นำไปสู่ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน สุดท้ายนักทวงหนี้และลูกหนี้ก็มีโอกาสที่จะตกลง
กันได้ ภายใต้การตอบสนองอย่างเข้าใจ
- ลูกหนี้ประวิงการชำระหนี้หรือปฏิเสธการชำระหนี้
อารมณ์ของคนทวงหนี้มักจะหงุดหงิด ไม่เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ
- การตอบสนองอย่างเข้าใจของนักทวงหนี้ จึงมีความสำคัญในการทวงหนี้เป็นอย่างมาก
- บางครั้งคำตอบของลูกหนี้ไม่สมเหตุสมผล เช่นทำเงินหาย เลยไม่ได้โอนเงินค่างวดให้ ให้เด็กไปโอนแล้วยังไม่กลับมา บ้านอยู่ไกลธนาคาร ไม่มีคนอยู่บ้านเลยไม่ได้ไปโอน ฝนตกเลยไปโอนไม่ได้ งานยุ่งไม่มีเวลาไปโอนเงิน นักทวงหนี้ต้องพยายามแสร้งเข้าใจลูกหนี้ เปรียบเหมือนกับปัญหาในครอบครัว เช่น ปัญหาผัวเมีย ผัวมักโกหกเมียอยู่เป็นประจำว่าติดประชุม ติดงานเลี้ยงลูกค้า ความจริงอยู่กับกิ๊กหรืออยู่กับเมียน้อย เมียต้องแกล้งทำเป็นเชื่อ ถึงแม้ในใจไม่เชื่อ
- พ่อแม่กับลูก ให้เงิน 1,000 บาทไปซื้อสบู่ เดินกลับมาบอกพ่อแม่เงินหาย รู้ทั้งรู้ว่า โกหกก็ต้องตอบสนองอย่างเข้าใจ โดยอาจใช้คำพูดว่า “พ่อเข้าใจลูก แต่พ่อไม่เชื่อ พ่อไม่ลงโทษหรอก เพราะพ่อยังให้โอกาสลูกแก้ไขตัวต่อไป”
11. คิดหาทางออกให้กับลูกหนี้
- หลักการเบื้องต้น ลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้ แสดงให้เห็นว่าไม่มีทางออก / ไม่มีวิธีการในการแก้ไขหนี้
- การหาทางออกให้กับลูกหนี้จึงมีความสำคัญมาก คนทวงหนี้โดยทั่วไปมักเน้นการกดดัน
นักทวงหนี้ที่ดีต้องสร้างความแตกต่าง โดยการหาทางออกให้กับลูกหนี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์
- อย่าเอาไฟดับไฟ แต่ต้องเอาน้ำดับไฟเป็นคำกล่าวของผู้นำอิสลามในการให้ความเห็นต่อรัฐบาล
แก้ปัญหาความขัดแย้งของผู้ชุมนุมเสื้อแดงกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งนักทวงหนี้นำมา
ประยุกต์ใช้ในการทำงานได้
- ต้องทวงหนี้ด้วยสติ
- ความล้มเหลวเป็นบทเรียน ต้องเรียนรู้ความล้มเหลว ปรับปรุงแก้ไขต่อไป
- ชวนลูกหนี้มาถอยคนละก้าว
- อภัยกัน อย่าเยาะเย้ยกัน ลูกหนี้ด่ามาแรง ต้องให้อภัย
- การเจรจาไม่สามารถจบได้ในครั้งเดียว เพียงแต่ครั้งที่ 2 / 3 ประเด็นจะแคบลงไปเรื่อย ๆ สุดท้ายจะเหลือประเด็นเดียว ซึ่งมีโอกาสในการตกลงกันได้ นักทวงหนี้ต้องอดทนในการเจรจา และต้องทำให้ประเด็นแคบลงไปเรื่อย ๆ อย่าแตกประเด็นหรือขยายความขัดแย้งออกไปเรื่อย ๆ หรือตอบโต้ทุก
ประเด็นที่ลูกหนี้โต้แย้ง นั่นไม่ใช่วิธีการในการหาทางออกด้วยกันระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ ผมย้ำนะครับว่าหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่หาทางออกสำหรับเจ้าหนี้ แต่ทางออกจะต้องเป็นทางออกของลูกหนี้ด้วย นะครับ
12. เห็นอกเห็นใจ ให้กำลังใจ
- สังคมไทยในยุคปัจจุบัน เป็นสังคมที่มีความขัดแย้งสูง จากเดิมต่างชาติให้คำนิยามเกี่ยวกับประเทศไทยว่า เป็นเมืองแห่งรอยยิ้ม หรือ LAND OF SMILE ปัจจุบัน สื่อต่างประเทศ โดยเฉพาะเจแปนไทม์ได้ขนานนามประเทศไทยใหม่ หลังวันที่ 10 เมษายน 2553 ว่า เป็น “ตัวตลก หน้าบึ้ง ไม่ยอมยิ้ม” และเมืองไทยกำลังจะกลายเป็นเมืองล้มเหลว หรือเฟลสเตท สังคมมีการเลือกข้าง มีจุดยืนของตัวเองแบบสุดขั้ว และที่น่ากลัวมากในเฟสบุ๊ค มีกลุ่มบุคคลที่มีความขัดแย้งทางการเมืองไปรวมตัวกันแยกออกเป็น 2 ฝ่าย 3 ฝ่าย และสนับสนุนส่งเสริมให้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อีกฝ่ายหนึ่ง ให้หมดสิ้น บ้านเมืองจะได้สงบ หรือภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า ฮูโลคอร์ส ดังนั้นสังคมไทยถ้าไม่ใช่พวกเดียวกันจึงไม่มีการเห็นอกเห็นใจกัน ลืมไปว่า เป็นคนชาติเดียวกัน
สรุป การทวงหนี้ในยุคที่บ้านเมืองมีความขัดแย้งสูง คนไทยมีแต่ความเครียด โกรธง่าย โมโหง่าย และเป็นยุคที่สังคมไร้ระเบียบ คนในสังคมใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินปัญหา ต้องการความเห็นอกเห็นใจและเข้าใจกัน นักทวงหนี้จะต้องมีความอดทนสูงในการที่จะรับฟังปัญหาของลูกหนี้อย่างจริงใจ ผมย้ำนะครับว่า อย่างจริงใจ ไม่ใช่แกล้งเป็นจริงใจหรือพูดจาเสียดสีเหน็บแนม กระแนะกระแหน ลูกหนี้ทุกคนต้องการกำลังใจ วิธีการพูด วิธีการนำเสนอของนักทวงหนี้ จะต้องแสดงให้เห็นภาพว่า ไฟแนนซ์ พร้อมที่จะทวงหนี้ด้วยหัวใจ และพร้อมที่จะเป็นกำลังให้กับลูกหนี้ทุกคน ทุกครั้งที่มีการสนทนาจะต้องสอดแทรกความเห็นอกเห็นใจและให้กำลังใจในระหว่างการสนทนาตลอด
ผมอยากจะยกตัวอย่างโครงการของเกาหลีใต้ เกี่ยวกับการส่งออกทางวัฒนธรรม ที่สามารถสร้างรายได้โดยการส่งออกทางวัฒนธรรมของเกาหลี มีเงินเข้าประเทศต่อปี ห้าหมื่นหกพันล้านเหรียญสหรัฐ โดยรัฐบาลได้ตั้งองค์กรเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรม และให้หน่วยงานดังกล่าวส่งเสริมให้มีการสอดแทรกวัฒนธรรมคนเกาหลีเข้าไปอยู่ในสินค้าบริการ เช่น ภาพยนตร์ วิทยุ โทรทัศน์ เกมส์ นักร้อง นักแสดง ทำให้วัฒนธรรมเกาหลีเป็นที่แพร่หลาย และทำให้เจ้าของกิจการขนาดเล็ก หรือเอสเอ็มอี ที่มีความคิดเชิงสร้างสรรค์ สามารถส่งออกความคิดของตนเอง เป็นสินค้าออกที่สำคัญในปัจจุบัน
สรุป นักทวงหนี้ที่ฉลาด จะต้องสอดแทรกความเห็นอกเห็นใจและให้กำลังใจในขณะทวงหนี้อย่างเหมาะสม ถ้าทำได้ จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักทวงหนี้ประสบความสำเร็จมากขึ้น คุณว่าจริงไหมครับ หรือใครว่าไม่จริง หรือใครคิดว่าต้องเน้นการซ้ำเติมลูกหนี้ จึงจะทำให้ลูกหนี้เร่งชำระหนี้มากขึ้น หรือใครมีคอนเซ็ป ในการทวงหนี้ที่ว่า “ขอบคุณที่ซ้ำเติม” บ้างครับ ยกมือขึ้น
13. จบด้วยการโน้มน้าวให้เห็นประโยชน์ของการชำระหนี้
- เมื่อท่านทวงหนี้ ใช้เทคนิควิธีการต่าง ๆนานา หรือใช้อาวุธตามความถนัดของแต่ละคน บางคนคุยกับลูกหนี้เพลิน ถูกอกถูกใจทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างวางสายไป คุยมันคุยเพลิน หรือบางคนบ้าน้ำลายออกนอกลู่นอกทางไป ประสบความสำเร็จทุกขั้นตอน ลูกหนี้ให้ความร่วมมือ ลูกหนี้ยินดีคุยด้วย บรรยากาศก็ดี ลูกหนี้ก็เข้าใจคนทวงหนี้ ทุกอย่างดีหมด แต่ลืมสรุปโน้มน้าวให้ลูกหนี้ชำระหนี้ นักทวงหนี้แบบนี้ก็มีด้วย บางคนเรียกนักทวงหนี้ประเภทนี้ว่า “ประเภทบ้าจี้”“นักทวงหนี้ประเภทบ้าน้ำลาย”“นักทวงหนี้ประเภทเพ้อเจ้อ” ในห้องนี้มีไหมครับ ช่วยยกมือขึ้นด้วยครับ ไม่มีแสดงว่า ในห้องนี้ มีแต่นักทวงหนี้ประเภทมีสาระทั้งนั้น
สรุป เมื่อหว่านล้อมลูกหนี้ทุกขั้นตอนแล้ว นักทวงหนี้ที่ดีจะต้องสรุปแง่คิด หรือภาษาสมัยใหม่ที่นิยมใช้กันในสื่อสารมวลชน คือคำว่า “ชวนคิด หรือชวนให้ลูกหนี้คิด” และชี้ให้เห็นประโยชน์ของการชำระหนี้ ว่าจ่ายแล้วสบายนะครับ จ่ายแล้วโล่งนะครับ เหมือนยกภูเขาออกจากอกนะครับ รถถ้าผ่อนไม่ได้ ถ้าคืนให้กับไฟแนนซ์ไป ก็ต้องไม่มีภาระ ไม่ต้องวิตกกังวลว่าจะมีใครมายึด หรือไม่ต้องวิตกกังวล จะมีใครมาตะโกนด่าหน้าบ้าน ไปไหนมาไหนก็สบายใจ ไม่ใช่ทำงานอยู่มีคนโทรมาทวงหนี้ที่สำนักงานหรือโทรมาด่าที่สำนักงานหรือขับรถอยู่มีคนมาเคาะกระจกหรือขับรถปาดหน้า นรกเห็น ๆ ทั้งนั้น ควรใช้คำถามนำในเชิงบวกเช่น “พี่ว่าจริงไหมครับ , พี่เห็นด้วยไหมครับ ,พี่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นใช่ไหมครับ , พี่ทำใจได้ไหมครับถ้ามีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น ,หรือพี่มีทางออกอย่างอื่นหรือครับ ,ทำไมพี่ไม่รับเงื่อนไขผมครับ ,พี่จะมีความสุขไหมครับที่ผมโทรมาทวงหนี้ทุกวันทุกเช้านะครับ เป็นต้น