คำเตือน
การโฆษณาชวนเชื่อว่าให้กู้เงินนอกระบบที่มาโพสต์ในเว็บไซต์ทนายคลายทุกข์ เป็นพวกหลอกลวงประชาชนทั้งสิ้น และมีผู้เสียหายหลายรายถูกหลอกลวงไปแล้ว อย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพเหล่านี้ แนะนำให้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ทนายคลายทุกข์และทีมงานไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นหรือสนับสนุนให้มีการโพสต์ข้อความดังกล่าว ได้พยายามลบข้อความหลายครั้งแล้วแต่ก็ยังมีมิจฉาชีพเข้ามาแสวงหาประโยชน์อยู่อย่างสม่ำเสมอ หนี้นอกระบบ หมายถึง การกู้หนี้ยืมสินที่ไม่อยู่ในระบบสถาบันการเงิน เช่น การกู้ยืมกันระหว่างเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้อง ซึ่งการกู้ยืมเงินดังกล่าวจะไม่มีกฎกติกามารยาท ที่เป็นมาตรฐาน
ธกส./ธ.ออมสิน/ล้างหนี้นอกระบบ
ทนายคลายทุกข์ขอนำข่าวเกี่ยวกับกระทรวงการคลังออกนโยบายช่วยเหลือกู้นอกระบบ โดยมีแนวคิดให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้ามาดำเนินการ
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้หารือเชิงนโยบายกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชน เพื่อหาแนวทางให้ธนาคารของรัฐเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาหนี้นอกระบบ โดยมีแนวคิดให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้ามาดำเนินการ ด้วยการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรอบใหม่ ผ่านธนาคารทั้ง 2 แห่ง เพื่อปรับโครงสร้างหนี้หรือรีไฟแนนซ์เปลี่ยนจากหนี้นอกระบบให้กลับมาเป็นหนี้ในระบบในอัตราดอกเบี้ยถูกแทน และให้ธนาคารรับซื้อหนี้มาจัดการคัดหนี้ให้มีความสมดุล
ทั้งนี้จากการหารือร่วมกับ สศค.และศูนย์อำนวยการฯ พบว่าขณะนี้การติดตามทวงหนี้โหดเพิ่มขึ้นมาก และลูกหนี้นอกระบบไม่สามารถ ออกจากวงเวียนหนี้สินที่คิดดอกเบี้ยสูงลิ่วได้ จึง เสนอให้ออมสินและ ธ.ก.ส.เข้ามาขึ้นทะเบียนลูกหนี้นอกระบบใหม่ เพื่อช่วยให้ประชาชนกลุ่ม นี้ได้ลืมตาอ้าปาก และหลุดพ้นจากวงเวียนหนี้ สินดังกล่าว โดยอาจจะออกมาตรการให้ธนาคารรัฐ รับซื้อหนี้เจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้ ตัดหนี้สูญ บาง ส่วน (แฮร์คัต) และปล่อยกู้ใหม่ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่ง คาดว่าธนาคารทั้ง 2 แห่ง จะสามารถตรวจสอบข้อมูลได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักเป็นประชาชนระดับรากหญ้า และเกษตรกรรายย่อยอยู่แล้ว
ทั้งนี้จะต้องประเมินความสามารถชำระหนี้ของลูกหนี้ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่ให้กลายเป็นหนี้สูญ และไม่กลับไปสู่การกู้หนี้นอกระบบอีก
“ก่อนหน้านี้กระทรวงมหาดไทยได้ช่วยเหลือด้วยการขึ้นทะเบียน คนจน จากนั้นก็แยกในส่วนที่เป็นปัญหาหนี้สินมาให้กระทรวงการคลังดูแลผ่านศูนย์อำนวยการ ซึ่งได้แก้ ปัญหาไปแล้วระดับ หนึ่ง กว่า 5 ล้านราย โดยเป็นหนี้นอกระบบ 200,000 ราย หรือคิดเป็นมูลหนี้ 12,000 ล้านบาท ได้รับการแก้ไขแล้ว 100,000 รายหรือ 6,000 ล้านบาท ยังเหลืออีก 100,000 ราย แต่จากการหารือครั้งล่าสุดนี้ เห็นว่าต้องทบทวนตัวเลขเหล่านี้ใหม่ เนื่องจากเป็นตัวเลขตั้งแต่ปี 48-49 ผมไม่มั่นใจว่าจะเป็นข้อมูลที่ทันสมัยมากน้อยแค่ไหน เพราะยังไม่รวมถึงลูกหนี้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงวิกฤติเศรษฐกิจรอบปีที่ผ่านมา และจะทบทวนมาตรการของทุกรัฐบาลที่ผ่านมา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ทันสมัย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนออกมา”
นอกจากนี้กระทรวงการคลังได้หารือกับกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นเจ้าของร่างพ.ร.บ.ควบคุมธุรกิจบัตรเครดิต ว่าจะสามารถนำออกมาใช้ร่วมกับ พ.ร.บ.ทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรมได้เมื่อใด เพราะเนื้อสาระใกล้เคียงกันมาก
ปัจจุบันธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีกฎระเบียบดูแลธุรกิจบัตรเครดิตอยู่แล้ว แต่ไม่มีความศักดิ์สิทธิ์เท่าเทียมกับกฎหมาย ดังนั้นจึงจะเร่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกมาโดยเร็ว เพื่อดูแลเรื่อง นี้โดยเฉพาะ หากกฎหมายพร้อมจะเสนอ ครม. พิจารณาได้ทันที
นายกรณ์ กล่าวว่า หลังรัฐบาลได้แก้ปัญหาเศรษฐกิจระดับมหภาคไป จนทำให้ปัญหาทางเศรษฐกิจเริ่มคลี่คลาย ขณะที่กระทรวงการคลังกำลังกำหนดนโยบายแก้ปัญหาให้ประชาชนในระดับรากหญ้า โดยเฉพาะเรื่องหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นการแก้ไขหนี้ของประชาชนระดับรากหญ้า โดยจะให้ธนาคารรัฐรับผิดชอบโดยตรง เพราะส่วนใหญ่เป็นหนี้ของเกษตรกร เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาการร้องเรียนเรื่องนี้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง.
ขอขอบคุณรายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์