เอาลูกเขามาส่งเสีย เอาเมียเขามาส่งเสริม
คอลัมภ์คุยกับนักสืบวันนี้ กุ้ง (นักสืบสาว)
ขอนำประสบการณ์จากการทำงานสืบมาโดยตรง
เรื่องจริงจากหัวอกของทั้งเมียน้อยและเมียหลวง หรือแม้กระทั่งผู้ที่ถูกสวมเขาทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่ดิฉันสืบเรื่องชู้สาวมา เรื่องนี้เรื่องเป็นที่น่าเศร้าเรื่องหนึ่งทีเดียว เพราะผู้จ้างวานรายนี้เหมือนถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากจะโดนหลอกให้แต่งงานด้วยแล้ว ยังโดนหลอกซ้ำสองอีกว่า ลูกในท้องของเมีย เป็นลูกจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง
ได้ฟังอย่างนี้แล้ว จะไม่ให้ดิฉันรู้สึกสงสารและเห็นใจยังไงไหวละค่ะจะว่าไปแล้วมนุษย์เรานี่ก็แปลกนะคะ มีหัวใจและจิตวิญญาณเหมือนกัน แต่ความรู้สึกนึกคิด ความดีเลว หรือสามัญสำนึกต่างๆกลับแตกต่างกัน
กล้าแม้กระทั่งทำร้ายคนที่รักและหวังดีกับตัวเอง กล้าทำร้ายคนที่ไม่เคยคิดจะหลอกหรือทำร้ายตัวเองได้อย่างเลือดเย็น ลองมาฟังเรื่องที่ทำให้นักสืบใจเด็ดแกร่งอย่างดิฉัน ต้องร้องไห้
ด้วยความสงสารผู้จ้างวานจับใจ
เรื่องนี้กันเลยดีกว่านะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า เมียของผู้จ้างวานรายนี้
เคยมีแฟนมาก่อนหน้าที่จะแต่งงานกับผู้จ้างวานคนนี้แล้วแต่ผู้ชายซึ่งเป็นแฟนเก่านั้น เป็นหนุ่มเจ้าสำราญและเจ้าชู้มาก ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า และมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตเรื่อยๆด้วยเพราะเป็นคนหน้าตาดีมีฐานะร่ำรวย และพ่อแม่เลี้ยงดูตามใจ
ในตอนที่คบกันกับเมียของผู้จ้างวานรายนี้ เขาก็ไม่ค่อยแคร์ผู้หญิงคนนี้ซักเท่าไหร่ นึกอยากมาหาก็มา อยากเงียบหายไปเลย
หรืออยากควงผู้หญิงคนอื่นให้เห็นตำตาก็ไม่สนใจ ใครทนได้ก็ทน ถ้าทนไม่ได้ก็เลิก
อะไรประมาณนั้นทีนี้ผู้หญิงก็กลัวว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป
ชีวิตที่คิดจะฝากไว้กับผู้ชายคนนี้ ก็คงจะล่มแน่ ๆ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ผู้ชายถึงจะตกลงปลงใจกับตัวเองซะที
ก็เลยตัดใจทิ้งที่ยังรักเขามาก
ส่วนฝ่ายแม่ของผู้หญิงคนนี้
ก็ไม่อยากให้ลูกต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า ก็เลยให้ลูกเลิกคบ
และสนับสนุนให้ลูกหันมาคบกับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งชอบผู้หญิงคนนี้อยู่ ผู้ชายคนนี้ก็คือผู้จ้างวานของดิฉันเอง ซึ่งเป็นคนดีขยันทำมาหากิน ไม่เที่ยวเตร่ ไม่เจ้าชู้ ฐานะก็ร่ำรวย และแม่ของผู้หญิงไตร่ตรองดูแล้วว่า
ผู้ชายคนนี้คงจะดูแลและให้ความสุขกับลูกสาวตัวเอง
พอคบกันได้สักระยะหนึ่ง ผู้จ้างวานก็ขอผู้หญิงคนนี้แต่งงาน แต่แต่งโดยที่เขาไม่รู้เลยว่า
ลึกๆแล้วผู้หญิงอยากจะแต่งงานด้วยหรือเปล่า
เต็มใจแต่งหรือว่าแต่งเพราะไม่ต้องการ หรือจริงๆแล้วต้องการจะประชดแฟนเก่าเท่านั้น
คือผู้จ้างวานไม่รู้เรื่องราวอะไรก่อนหน้านั้นเลย พอหลังจากการแต่งงานแล้ว ผู้หญิงก็ไม่ยอมจดทะเบียนสมรสด้วย อ้างว่ายังไม่อยากจะใช้คำว่านางนำหน้า ขอเวลาก่อน และพอแต่งงานปุ๊บก็ท้องปุ๊บทันที พอคลอดลูกออกมา
ผู้จ้างวานก็เลี้ยงดูลูกและเมียอย่างดี เฝ้าทะนุถนอมทุกอย่าง และให้ทุกอย่างที่ผู้หญิงคนนี้อยากได้ แต่ผู้หญิงก็ยังไม่ยอมจดทะเบียนด้วย และไม่ให้ลูกใช้นามสกุลสามี แต่กลับให้ใช้นามสกุลของตัวเองแทน
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่จ้างวานมีความแคลงใจสงสัยอยู่ หากแต่เขาก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก และด้วยความที่เป็นคนมองโลกในแง่ดี เขาไม่คิดว่าเมียของตัวเอง แต่งงานอยู่กินกันขนาดนี้ จะมีแผนการอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า
ผู้จ้างวานทั้งรักทั้งหลงลูกมาก วางแผนอนาคตให้ทุกอย่าง เตรียมซื้อบ้าน วางรากฐานชีวิตไว้ให้ลูก
และตัวเขาเองก็ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินมากขึ้นหลังจากที่มีลูก เรื่องมันน่าจะจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
ถ้ามาช่วงหลังๆ เมียเขาจะไม่มีพฤติกรรมแปลกๆไป พฤติกรรมที่ว่านั้นก็คือ ชอบพาลูกหนีไปค้างที่อื่น บางทีก็หายไป 2-3 วัน
และทุกครั้งที่ไปก็จะอ้างว่า ไปค้างบ้านเพื่อน เพราะอยู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไร เบื่อๆ เซ็งๆ และอยากพาลูกไปเปลี่ยนบรรยากาศ
ซึ่งผู้จ้างวานเขาก็ไม่ได้คิดหรอกว่า เมียจะไปมีชู้ แต่ที่เมียทำอย่างนี้ เขาห่วงลูกมากกว่า ไม่อยากให้ลูกไปค้างที่อื่นบ่อยๆ
เพราะลูกยังเล็ก อยู่อายุแค่ 6 เดือนเอง ถ้าเกิดเมียอยากจะไปหาเพื่อน,
ไปทำธุระ
หรืออยากจะไปเที่ยวเขาก็ไม่เคยห้าม
แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาลูกไปด้วย พอมันเป็นอย่างนี้บ่อย เข้า ผู้จ้างวานก็เลยเริ่มสงสัยเมียตัวเองว่า บ้านที่เมียพาลูกไปค้างนั้น
เป็นบ้านเพื่อนจริงหรือเปล่าหรือว่าเป็นบ้านของใคร? และที่เขาตัดสินใจมาจ้างให้ดิฉันสืบก็เพราะว่า
ล่าสุดนี้เมียพาลูกออกจากบ้านหลายวันแล้ว และยังไม่พากลับมา เวลาโทรไปก็ชอบปิดมือถือ ทำท่าไม่อยากจะคุยกับเขา เขาคิดถึงลูกมาก อยากจะเอาลูกกลับมา ก็เลยให้ดิฉันช่วยสืบดูให้หน่อยว่า ตอนนี้เมียพาลูกไปอยู่ที่ไหน เขาจะได้ไปตามลูกกลับ
ดิฉันก็เลยขอที่อยู่ของเพื่อนเมียเขาทุกคน และของแฟนเก่าของเมียด้วย
ซึ่งอย่างหลังนี้ผู้จ้างวานได้ที่อยู่มาจากแม่ของเมียตัวเอง ซึ่งไม่รู้ว่าลูกเขยกำลังจ้างนักสืบ สืบลูกสาวตัวเองอยู่
จากนั้นดิฉันก็เอาเรื่องต่างๆมานั่งวิเคราะห์ดู คือตอนนี้เรื่องเด็กนั้น ดิฉันไม่ได้สงสัย หรอกว่าเขาจะเป็นลูกใคร มุ่งไปประเด็นเดียวคือ
เรื่องที่ผู้หญิงพาลูกหนีไปอยู่กับบ้านเพื่อนมากกว่า ซึ่งพอดิฉันซุ่มตามบ้านเพื่อนของผู้หญิงคนนี้ทุกคน ตามที่ผู้จ้างวานให้ข้อมูลมา
ก็ไม่เจอผู้หญิงคนนี้อยู่ที่บ้านของใครเลย เหลือคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้ตามก็คือ บ้านของแฟนเก่า ซึ่งหลังจากที่ดิฉันเฝ้าดูอยู่สองวัน
ก็เจอผู้หญิงคนนี้และลูกอยู่ที่บ้านของแฟนเก่านั่นเอง! เรื่องมันชักจะยังไง
ยังไงแล้วซิคะคุณผู้อ่าน
เมื่อเฝ้าดูอยู่ไม่นาน
ก็เห็นเมียของผู้จ้างวานขับรถออกจากบ้าน พร้อมกับแม่ของแฟนเก่า ภาพที่ได้เห็นนั้นมันทำให้ดิฉันยิ่งสงสัยมากขึ้นว่า เขาไปด้วยกันได้ยังไง เพราะปกติแล้วในสังคมบ้านเรา ถ้าแฟนเก่าของลูกแต่งงานอยู่กินกับคนใหม่ แถมยังมีลูกติดมาด้วยแล้ว
เรื่องที่เขาจะให้ที่พักอาศัยได้อย่างสนิทใจอย่างนี้มันเป็นไปได้ยาก ก็เป็นเรื่องที่ดิฉันต้องเก็บเอามานั่งวิเคราะห์ต่อว่า มันจะเป็นไปในสู่ทางไหนได้บ้าง
และจากนั้นดิฉันก็โทรรายงานผู้จ้างวานว่า เมียเขาอยู่ที่บ้านแฟนเก่านะ มีแม่ของแฟนเก่าอยู่ด้วย
ดิฉันและลูกทีมจะเฝ้าดูเพื่อเก็บหลักฐานให้ได้มากที่สุดก่อน ถ้าเขาจะตามมาดูด้วยตาตัวเองก็มาได้เลย พอผู้จ้างวานได้ฟังดังนั้น น้ำเสียงเขาดูเศร้ามากเลยนะ เขาบอกว่าเขาไม่ไปหรอก
แต่จะรอหลักฐานเพื่อเอาไปแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
เพราะคนพวกนี้เอาลูกเขามากักขังหน่วงเหนี่ยวไว้
โดยพยายามกีดกัดเขาซึ่งเป็นพ่อของเด็กด้วย ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่า เด็กคนนี้แท้จริงแล้วไม่ใช่ลูกในไส้ของเขาเลย
จากนั้นเขาและแม่ของผู้หญิงก็พากันแจ้งความว่า แฟนเก่าและเมียตัวเขากักขังหน่วงเหนี่ยวลูกของเขาไว้และพร้อมกันนั้นก็แจ้งความอีกข้อหาหนึ่งว่า เมียยักยอกเงินสดไปอีก 1 ล้านบาท
จากนั้นเขาก็เอาหมายศาลมาให้ดิฉัน
และพาตำรวจมาจับเมียตัวเองและแฟนเก่า
และตำรวจก็พาผู้ต้องหาทุกคนไปตกลงที่สน.ผู้จ้างวานบอกว่า เขาไม่ต้องการอะไรมาก เมียเขาก็ไม่เอา แล้วจะไปอยู่กับแฟนเก่าก็ตามใจ
เขาต้องการแค่ลูกคืนและเงินที่เมียขโมยไปเท่านั้น ฝ่ายเมียก็แอบเขียนจดหมายหาแม่ตัวเอง ข้อความประมาณว่า
เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของสามีคนปัจจุบันหรอก แต่เป็นของแฟนเก่าคนนี้ ต้องขอโทษแม่ด้วย เพราะว่าหนูยังรักแฟนเก่าอยู่
พร้อมกันนั้นก็เขียนจดหมายถึงสามีด้วยว่าต้องขอโทษด้วยที่ทำอย่างนี้ ไม่ต้องห่วงนะเรื่องเงิน จะคืนให้ทุกบาททุกสตางค์
ส่วนลูกก็จะขอดูเองขอให้สามีตั้งใจทำงานและดูแลกิจการต่อไปเถอะนะ
ฝ่ายผู้จ้างวานพอได้รับจดหมายของเมีย ก็น้ำตาไหลทันที เพราะคิดถึงลูก อยากได้ลูกคืนมา ส่วนแม่ยายผู้จ้างวานก็ร้องไห้ เพราะสงสารลูกเขย ที่อุตส่าห์ตั้งใจทำงาน ขยันทำมาหากิน
และดุแลให้ความรักลูกสาวและหลานแกตลอด เมื่อเมื่อความจริงออกมาอย่างนี้แกก็ไม่รู้จะทำยังไง
และไม่รู้จะบอกลูกเขยยังไงเหมือนกันได้แต่เก็บงำเรื่องนี้เอาไว้
จากที่ผู้จ้างวานไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกตัวเอง
ก็มารู้จนได้เมื่อเจอข้อความในโทรศัพท์ของแม่ยาย พอดีแม่ยายลืมโทรศัพท์วางไว้ เขาก็เลยเอามาดู
ก็ได้เห็นข้อความที่เมียส่งมาให้แม่
มีข้อความประมาณว่า
แม่ได้รับจดหมายหรือยัง
แม่รู้แล้วใช่ไหมว่า
เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของสามี
แต่เป็นลูกของแฟนเก่า
พอผู้จ้างวานได้เห็นข้อความนี้
ก็ตกใจแทบลมใส่
และมาปรึกษาดิฉันว่าจะทำยังไงต่อไปดี
ดิฉันก็เลยแนะนำไปว่า
ให้เขาไปหาแม่ยายบอกว่ารู้เรื่องแล้วทุกอย่าง เมียบอกทุกอย่างแล้ว และเมียให้มาเอาจดหมายกับกับแม่ แม่ยายเชื่อก็เลยเอาจดหมายให้
แล้วเขาก็เอาจดหมายฉบับนั้นมาให้ดิฉันอ่านดิฉันได้อ่านแล้วซึมไปเลยค่ะ ผู้จ้างวานก็ดูจดหมายไป ร้องไห้ไป ดิฉันก็น้ำตาไหลไปกับเขาด้วย เขานั่งระบายความในใจกับดิฉันว่า เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่เคยคิดว่าเด็กนี้จะไม่ใช่ลูก
เขาเลี้ยงดูเด็กอย่างดีตั้งแต่อยู่ในท้องเมีย จนคลอดออกมาลืมตาดูโลกได้ 6 เดือน ก็ดูแลอย่างดีที่สุดมาตลอด คิดว่าเด็กเป็นลูกของตัวเอง และเขาก็รักลูกมาก
ถึงตอนนี้จะรู้แล้วว่าเด็กไม่ใช่ลูกที่แท้จริง แต่เขาก็ยังรัก และเป็นห่วง ไม่รู้ลูกจะอยู่ยังไง
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำกับเขาได้ลงคอ
นั่งพูดไปก็ร้องไห้ไป
ดิฉันฟังไปก็ร้องไห้ตามไปเหมือนกัน
แล้วข้อความในจดหมายของเมียเขาที่เขียนถึงแม่ ก็ค่อนข้างเขียนแรงซะด้วย เขียนประมาณว่า เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของมันหรอก มันน่ะโง่ เด็กเป็นลูกของแฟนเก่าหนูเอง แม่ไม่ต้องห่วงนะ
หนูจะเลี้ยงหลานของแม่อย่างดีที่สุด และเขียนด้วยถ้อยคำแรงๆ หลายคำ ซึ่งดิฉันไม่อาจจะนำมาเปิดเผยในที่นี้ได้ คุณผู้อ่านคงเข้าใจนะคะ ดิฉันก็เลยปลอบผู้จ้างวานไปว่า คนดีๆ
และขยันทำมาหากินอย่างเขาสามารถหาผู้หญิงดีๆ มาเป็นคู่ชีวิตได้อีกนะ อายุก็ยังไม่เท่าไหร่ เดี๋ยวก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้
ผู้จ้างวานบอกดิฉันว่า
สิ่งที่เขาทุกข์ใจอยู่ทุกวันนี้ก็คือความคิดถึงลูกเท่านั้น ส่วนเมียจะเป็นยังไง เขาไม่สนใจแล้ว
แต่ยังไงเขาก็เอาเด็กมาเลี้ยงไม่ได้อยู่ดี เพราะมันไม่ใช่ลูกของเขา ส่วนเรื่องคดีความเขาก็ฟ้องร้องแฟนเก่าของเมียในข้อหาหลอกลวง
ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เสียทรัพย์สินในการจัดงานแต่งงานใหญ่โตและเรียกค่าเลี้ยงดูบุตร ค่าคลอดบุตรด้วย
คือความจริงเขาก็ไม่ได้อยากได้เงินทองคืนหรอก
แต่เขาเสียใจที่โดนคนที่เขาไว้ใจ และให้ความรักมาตลอดหลอกมาตั้งนานต่างหาก
แต่สุดท้ายก็เห็นเจรจายอมความกันได้ด้วยดี โดยเมียยอมคืนเงินล้านให้ ส่วนผู้จ้างวานก็ถอนแจ้งความ และส่วนลูกก็ต้องไปอยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริง
ทุกวันนี้ผู้จ้างวานก็ยังเศร้าเรื่องนี้อยู่ และคงเศร้าไปอีกนาน ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้เขาจะหาผู้หญิงดีๆ มาดามอกได้หรือยังนะคะ
เพราะหลังจากวันที่หน้าที่ของดิฉันสำเร็จลง ก็ไม่ได้ติดต่อกับผู้จ้างวานอีกเลย สำหรับดิฉันแล้ว กรณีนี้มันเรื่องที่น่าเศร้ามาก
และถ้าเกิดขึ้นกับใครก็คงอยากที่จะทำใจรับได้แน่นอน
อย่าลืมนะคะ มีปัญหาปรึกษานักสืบได้ค่ะ ที่กุ้ง
อำนวยพร มณีวรรณ์ 089-669-5026 , 02-948-5700 นักสืบเอกชน สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้