ผัว...สวมเขา
เคสที่นักสืบจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ก็เป็นเคสที่ถูกหลอกจนตายใจเหมือนกันค่ะ
แตกต่างกันตรงที่ว่าผู้ที่ถูกหลอกจนตายใจนี้เป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชายอย่างร้ายแรง
จะน่าเศร้าเหมือนกับรายที่แล้วหรือไม่อย่างไรเรื่องนี้ผู้จ้างวานและสามีมีกิจการร้านถ่ายรูปโดยสามีจะเป็นคนดูแล
ส่วนเมียต้องอยู่บ้านดูแลลูก
เพราะลูกยังเล็กอยู่มาก
แล้วบ้านกับร้านก็อยู่คนละที่กันมาระยะหลังๆ สามีชอบอ้างกับภรรยาบ่อยๆ
ว่า
ปิดร้านแล้วขี้เกียจขับรถกลับบ้าน
จะนอนที่ร้านเลย
ทีแรกเมียก็ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร
เพราะเห็นงานที่ร้านยุ่งๆ
คิดว่าสามีคงเหนื่อย
แต่มารู้สึกไม่ชอบมาพากล
เพราะมันบ่อยมากๆ
อีกอย่างสามีน่าจะอยากกลับบ้านไปหาลูก เพราะประสาคนเพิ่งจะมีลูกคนแรกก็น่าอยากกลับไปเล่นกับลูก น่าจะต้องเห่อเป็นธรรมดา
ผู้จ้างวานเคยแอบมาดูสามีร้านในตอนกลางคืนครั้งหนึ่ง ก็เห็นรถจอดของสามีจอดอยู่หน้าร้านจริง
แต่จะให้ตามดูทุกครั้งที่สามีไม่กลับบ้านก็ไม่ไหวเพราะลูกยังเล็กอยู่ ไม่มีปัญญา
จึงได้จ้างวานให้ดิฉันสืบดูพฤติกรรมของสามีให้
พอตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดิฉันและลูกทีมก็เริ่มทำงานทันที
วันแรกของการตามสืบนั้นตามข้อมูลที่ผู้จ้างวานให้มาก็คือ
ร้านจะปิดตอน 3
ทุ่ม ดิฉันและทีมงานก็ไปซุ่มอยู่แถวนั้น ก่อนที่ร้านจะปิดประมาณ 1
ชั่วโมง วันแรกไปเฝ้าเป้าหมายตั้งแต่ 2
ทุ่มถึงตี 1 เป้าหมายก็ไม่ออกข้างนอกเลยแสดงว่าเขานอนที่ร้านจริง
แต่ดิฉันและทีมงานก็ยังเฝ้าดูเป้าหมายนั่นอยู่
โดยจอดรถนอนที่ข้างถนนใกล้ร้านนั่นแหละ
โชคดีที่มันเป็นถนนใหญ่
เลยมีคนสัญจรไปมาตลอดทั้งคืน
เราจอดรถไว้ก็ไม่เป็นที่ผิดสังเกตแต่อย่างใด มันเป็นย่านท่องเที่ยวด้วย รถราก็เลยเยอะเป็นพิเศษ
แต่ดิฉันก็ต้องทำตัวนิ่งสนิทอยู่ในรถด้วยนะ
ร้อนก็ร้อน แต่ก็ต้องทน
และแง้มประตูไว้นิดหนึ่ง
เพื่อเอาอากาศหายใจ ปวดฉี่ก็ปวด
แต่ก็ไปฉี่ไกลไม่ได้หรอก
เดี๋ยวเป้าหมายจะหายตัวไป ก็หลบฉี่ข้างรถนั่นแหละค่ะ(เห็นมั่ยล่ะว่าอาชีพนักสืบไม่ใช่อาชีพที่สบายอย่างที่หลายคนมองหรอกค่ะถึงจะราย
ได้งานและทำงานไม่กี่วันก็เถอะ) ก็เป็นอันว่าคืนแรกดิฉันเฝ้าเป้าหมายจนถึงตี
4
แต่ก็ไม่เจอที่ผิดปกติ
เป้าหมายไม่ได้ออกมาจากร้านเลย
ดิฉันก็เลยกลับที่พัก
และโทรรายงานผู้จ้างวานว่า
สามีเขาไม่ได้ไปที่ไหน
นอนที่ร้านจริงๆ
พอคืนที่สองดิฉันก็มาเฝ้าเป้าหมายเวลาเดิม พอประมาณ 3
ทุ่มเป้าหมายก็ปิดร้านทันที ดิฉันคิดว่าเขาต้องออกมาข้างนอกแน่ๆ
แต่ก็รออยู่นานจนเกือบอ่อนใจคิดว่าจะคว้าน้ำเหลวเหมือนคืนก่อนแต่พอเฝ้าดูถึงประมาณ
5 ทุ่มเศษ
เป้าหมายก็ออกจากร้าน
คิดว่าเขาอาจจะไปเที่ยว
เพราะเมียเขาบอกว่า
สามีเป็นคนชอบเที่ยวกลางคืนมาก
แต่เปล่าหรอก
พอขับรถตามเป้าหมายไปเรื่อยๆ เป้าหมายกลับขับรถไปยังบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านของคนที่มีฐานะพอสมควรทีแรกดิฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นบ้านใคร
(มารู้ทีหลังว่าเป้าหมายซื้อให้เมียน้อยอยู่)
พอดิฉันเห็นดังนั้น
ก็ไม่ได้โทรรายงานผู้ทันทีจ้างวานเหมือนเคสอื่นๆ
หรอกค่ะ
เพราะอย่างที่บอก
ผู้จ้างวานยังมีลูกเล็กๆ
อยู่
เขาคงเลี้ยงลูกเหนื่อยมาทั้งวันและอาจจะหลับไปแล้วก็ได้
เพราะมันเกือบเที่ยงคืนแล้ว เอาไว้รายงานผลทีเดียวเลยดีกว่า ถึงรายงานไปเขาก็ออกมาดูไม่ได้ และหลังจากนั้นที่เป้าหมายเข้าไปในบ้านหลังนั้นแล้ว
ดิฉันก็จอดรถนอนเฝ้าอยู่แถวๆ นั้น
รอดูว่าเขาจะออกจากบ้านเวลาไหน
ปรากฏว่าเขาไม่ได้ออกมาเลยจนกระทั่งตอนเช้า
ซึ่งพอตอนเช้าดิฉันก็ขับรถวนอออกมาก่อน
แล้วค่อยขับเข้าไปในหมู่บ้านนั้นอีกครั้ง
เพราะถ้าจอดนิ่งๆนานๆ จะเป็นที่สังเกตของคนแถวนั้นได้พอตอนเช้าก็เห็นเป้าหมายอุ้มเด็กเล็กๆ
คนหนึ่งออกมาที่หน้าบ้านพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง
ดูแล้วอารมณ์ประมาณพ่อแม่ลูกยังงั้นเลย
ดิฉันก็ทำทีไปสืบหาข้อมูลจากคนแถวนั้นอีก ซึ่งก็ได้ความว่า อ๋อ!บ้านนี้เขาอยู่กัน
3 คน
พ่อแม่ลูก เราก็ อ้าว! 3 คนพ่อแม่ลูกกับผัวชาวบ้านนี่หว่า
พอเก็บหลักฐานได้ประมาณหนึ่งแล้ว
ดิฉันก็โทรรายงานผู้จ้างวานทันที
พอเขาได้ยินเท่านั้นแหละ
เหมือนจะเป็นลมล้มลงตรงนั้นทันทีเลย
คงเสียใจเพราะโดนสามีหลอก
แถมยังหลอกถึงขนาดไปมีลูกกับเมียน้อยด้วยไม่ใช่แค่มีเมียน้อยธรรรมดาเท่านั้น
ลูกกับเมียน้อยก็อายุประมาณ 1
ขวบแล้ว
ซึ่งลูกของเมียหลวง
ที่ถูกต้องตามกฎหมายยังไม่ถึงขวบเลย
คิดดูว่าสามีอยู่บ้านช้อนกับเมียหลวงเลยค่ะ
พอดิฉันได้หลักฐานไปให้ผู้จ้างวานเรียบร้อยแล้ว
ดิฉันก็ขอตัวกลับบ้านทันที
ส่วนเรื่องที่เขาจะจัดการยังไงต่อ
ก็คงแล้วแต่ใจเขา ส่วนดิฉันถ้าจะมีใครสักคนเข้ามาในชีวิต
ก็ขออย่าได้จอประเภทหลอกจนตายใจอย่างนี้เลยนะคะ
หรือจะเป็นเจ้าชู้มากรัก
ก็ไม่ถ้าไหวเหมือนกัน
ขอคนรักเดียวใจเดียวและซื่อสัตย์ต่อกันดีกว่า
เพราะถ้าไม่รักไม่ชอบกันแล้ว
ก็สู้บอกมาตรงๆ
เจ็บตรงๆ
กันเลยดีกว่าค่ะ
โดนสามีสวมเขาให้บนหัวกับมือออย่างนี้
มันเจ็บปวดไปทั้ง
(หัว)
ใจเลยล่ะค่ะ!!
ทุกข์อก...ทุกข์ใจ
ปรึกษามาได้ที่ กุ้ง “ อำนวยพร
มณีวรรณ์” ค่ะ
โทร 089-6695026,
02-9485700