คอลัมภ์คุยกับนักสืบวันนี้ เป็นเรื่องของหญิงสาวอายุประมาณ 35 ปี
บทความวันที่ 26 พ.ค. 2552, 00:00
มีผู้อ่านทั้งหมด 15733 ครั้ง
น้ำใต้ศอก...
คอลัมภ์คุยกับนักสืบวันนี้ เป็นเรื่องของหญิงสาวอายุประมาณ 35 ปี เธอโทรมาหานักสืบบอกว่าอยากให้ “คุณนักสืบช่วยดิฉันด้วยนะค่ะ ดิฉันไม่มีที่พึ่งจริงๆคะ” คือว่าอย่างนี้คะ ดิฉันเป็นเมียน้อย...เธอเล่าปนเสียงสะอื่นเคล้าด้วยน้ำตา
เธอบอกกับนักสืบว่า เธอเป็นเมียน้อยเค้ามาได้ประมาณ 5 ปี แล้ว รู้มาตลอดว่าเขามีเมียแล้ว ฝ่ายชายเขาเป็นเจ้าของกิจการ เขาอยู่กับเมียเค้ามาได้ประมาณเกือบ 20 ปีแล้ว เธอเจอชายคนนี้เมื่อเขาอายุ 40 ปี เจอกันที่โรงเรียนนวดแผนไทย เธอบอกกับนักสืบว่า “ดิฉันแอบรักพี่เค้าก่อน เจอปุ๊ปก็ชอบเลย” (โอ้ยบุพเพอาละวาดละซิงานนี้) เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว เธอเคยบอกเลิกกับแฟนเก่าที่คบกันมาหลายปี ด้วยความเบื่อผู้ชาย ก็เลยขอเลิกซะยังงั้น ซึ่งตอนนั้นแฟนเธอเสียใจมาก แต่เธอใจเด็ด ไม่สงสารที่จะคืนดีด้วย
ทั้งๆที่ฝ่ายชายไม่มีความผิด แต่ด้วยความไม่อยากมีผัวแล้ว บอกเลิกดีกว่า อยู่คนเดียวและหลังจากนั้นก็อยู่เป็นโสดมาตลอด เธอเคยทำงานเป็นพนักงานบัญชีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งแล้วลาออกมาอยู่กับแม่ที่บ้าน โดยแม่มีบ้านให้เช่า เก็บค่าเช่าได้เดือนละประมาณ 10,000 บาท ก็ไว้ใช้จ่ายในบ้านไป ส่วนเธอไม่ต้องใช้จ่ายอะไร แม่ทำกับข้าวให้กิน ถ้าจะออกไปนอกบ้านก็จะขอแม่ครั้งละ 200 บาท เป็นค่ารถ ค่าใช้จ่าย อยู่อย่างประหยัด
จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอไปสมัครเรียนนวดแผนไทย ก็ได้เจอกับชายคนนี้ เจอครั้งแรกก็ประทับใจ เขาก็บอกว่าพี่มีเมียแล้วนะ แต่เธอบอกว่าเธอชอบเขามาก ดูเป็นสุภาพบุรุษ เป็นคนอบอุ่นเมื่ออยู่ใกล้ และต้องเจอหน้าเขาทุกเสาร์-อาทิตย์ ที่ไปเรียน คบกันไม่นานเธอก็ยอมตกเป็นชายคนนั้น (คือเป็นเมียน้อย) วันธรรมดา ฝ่ายชายก็กลับไปอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดทำงานที่เป็นธุรกิจส่วนตัว กับภรรยาของเขา เมื่อถึงวันศุกร์ก็จะขับรถเข้ากรุงเทพ เพื่อเรียนนวด และบอกกับภรรยาว่าไปพักบ้านญาติ ในระยะเวลาที่ผ่านมา 5 ปี เป็นแบบนี้มาตลอด ซึ่งความจริงทั้งคู่เรียนจบไปตั้งนานแล้ว เธอออกจากบ้านทุกเสาร์-อาทิตย์ ก็ยังหลอกแม่ที่บ้านว่า ไปเรียนและต้องนอนที่หอพัก เพราะต้องฝึกหนัก ส่วนฝ่ายชายก็บอกกับภรรยาที่บ้านว่า ต้องไปออกค่ายหรือไม่ก็ฝึกงาน โดยที่ภรรยาที่บ้านไม่ระแคะระคายเลย
ในระหว่างที่อยู่ด้วยกันนั้น เธอก็จะไปเที่ยวต่างจังหวัด ชานเมืองบ้าง ไปดูหนัง ทานเข้า และเข้าโรงแรมนอนกัน อยู่ด้วยกันจนถึงวันอาทิตย์ เธอต้องกลับเข้าบ้านตอนเย็น ส่วนฝ่ายชายก็ต้องกลับไปหาภรรยาที่บ้าน ทำเป็นปกติ
ระยะเวลาผ่านมา 5 ปี เธอเริ่มเกิดต้องการอยากเป็นเจ้าของเต็มตัว จึงได้บังคับให้ฝ่ายชาย ไม่ให้หลับนอนกับเมียหลวง และไม่ให้เลี้ยงดูเมียหลวง นอกจากนั้นยังไม่พอ ยังให้เลิกกับเมียหลวงอีก ฝ่ายชายดูเหมือนจะเชื่อทำตาม แต่ก็ทะเลาะกันบ่อยครั้งขึ้น เมื่อไม่นานมานี้ต้นเดือนพฤษภาคม 2552 ฝ่ายชายก็มาหาตามปกติ ไปเที่ยวกันและร่วมหลับนอนกัน แต่คืนสุดท้ายฝ่ายชายไม่แตะเนื้อต้องตัวเธอ แต่นอนหันหลังให้ เธอคิดว่าเขาคงเหนื่อย ไม่เป็นไร พอตกเย็นของวันอาทิตย์ เขาก็ไปส่งที่หน้าปากซอยเข้า และขับรถกลับไปบ้าน ปกติ
ในระหว่างที่ขับรถกลับบ้าน ฝ่ายชายจะต้องโทรหาเธอตลอด รายงานว่าถึงไหนแล้ว แต่วันนั้นไม่โทรมา และเธอโทรไปก็ไม่รับสาย เธอก็งอน คิดในใจว่า “ฮือ!โทรมาเมื่อไหร่จะไม่รับสายเลย” เวลาผ่านไปนานเธอนั่งมองโทรศัพท์ ไม่มีเสียงเรียกเข้า รอด้วยความทรมานใจ ว่าเมื่อไหร่จะโทรมา ทั้งๆที่ใจก็โกรธอยู่
เวลาข้ามไปได้หนึ่งคืน มีข้อความจากฝ่ายชายส่งมาว่า “ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา 5 ปี มีความสุขมาก ทุกอย่างที่เธอขอพี่ทำให้ไม่ได้ ลาก่อน โชคดี” เธอบ่อยโฮ...ออกมาทันที ไม่กล้าร้องไห้เสียงดัง เดี๋ยวที่บ้านจะจับได้ว่าเป็นอะไร เพราะเวลาที่ผ่านมา พี่น้อง และแม่ไม่เคยรู้เคยว่า เธอ “กินน้ำใต้ศอก” ของเขามาตลอด เธอเสียใจมากร้องไห้ทุกวัน โทรศัพท์ไปหาฝ่ายชายก็ไม่รับสาย และไปปิดหมายเลขโทรศัพท์ทิ้งไปเลย เธอส่งข้อความไปสารพัด ก็ไม่มีคำตอบอะไร เงียบไปเกือบเดือน เธอไม่มีทางออก จึงมานักสืบให้ช่วย
สิ่งที่เธอมาหานักสืบคือ ต้องการให้ติดตามชายคนนี้ในขณะที่ออกไปนอกบ้าน ว่าเค้าไปไหนบ้าง เพราะเธอจะไปดักเจอ เพื่อคุยด้วยเป็นครั้งสุดท้าย ว่าทำไม ทำไม.. ทำไม เธออยากรู้คำตอบจากปากเขา แค่นั้นจริงๆ เธอย้ำนักรักเค้ามากจริงๆ ไม่เคยลืม “ไม่คิดว่าเขาจะทำกับเราได้ขนาดนี้” เธอหวนคิดว่าสิ่งที่เธอขอเขาไปนั้นมากไปหรือเปล่า ตอนนี้สายไปแล้วเหรอ “ทำใจไม่ได้จริงคะ นักสืบช่วยด้วยนะคะ”
นี่ล่ะคะ คือภารกิจของนักสืบ ไม่ว่าทุกข์ของคุณนั้น จะหนักอกหนักใจขนาดไหน นั่นคืองานของนักสืบสาวคะ “กุ้ง” อำนวยพร มณีวรรณ์ 089-669-5026 สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้