เทคนิคการฟ้องหน่วยงานของรัฐที่กระทำละเมิดทางแพ่ง
ประชาชนควรฟ้องหน่วยงานของรัฐทันทีที่เกิดความเสียหาย อายุความไม่เกิน 10 ปี นับตั้งแต่วันเกิดเหตุละะเมิดและไม่ควรฟ้องเจ้าหน้าที่ก่อนเพราะหากยกฟ้องแล้วจะไม่มีสิทธิในการฟ้องหน่วยงานราชการ
คำพิพากษาฎีกาที่ 613/2567
โจทก์ฟ้อง ธ. เป็นคดีอาญาต่อศาลชั้นต้นในความผิดฐานก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใด ๆ แม้เป็นของตนเองจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 , 220 คดีถึงที่สุด โดยศาลชั้นต้นพิพากษาว่า พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่า ธ. กระทำความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง ซึ่งเป็นการฟ้องโดยอาศัยเหตุเดียวกันกับคดีนี้ที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดในมูลละเมิดจากการกระทำของ ธ. ข้าราชการในสังกัดของจำเลย จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา คดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 40 คำพิพากษาในคดีดังกล่าวผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความในคดี การที่จะพิจารณาว่า ธ. กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ในคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามมาตรา 46 เมื่อคดีส่วนอาญาศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า ธ. ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง ถือว่า ธ. มิได้กระทำละเมิดตามฟ้องในคดีส่วนแพ่งด้วย ดังนั้น โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้จำเลยซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของ ธ.ให้รับผิด ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 มาตรา 5
คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ให้ศาลในคดีส่วนแพ่งจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ให้การ จำเลยก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 225 วรรคสอง ประกอบมาตรา 252
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 3,540,738 บาท ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 1,500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปีนับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ รวมเป็นต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 1,521,575.34 บาท โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้อง ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาของโจทก์มีเพียง 2,019,162.66 บาท ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกา 40,383 บาท โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามา 67,526 บาท ศาลฎีกาให้คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาส่วนที่เกินเป็นเงิน 27,143 บาท แก่โจทก์
อ้างอิง คำพิพากษาฎีกาประจำพุทธศักราช 2567 ตอนที่ 2