ด่าทอกันทาง social media ผู้เสียหายบุกไปที่บ้านจำเลยและถูกจำเลยแทงศาลตัดสินว่าเป็นการป้องกันแต่เกินสมควรแก่เหตุจำคุก 1 ปีรอการลงโทษ|ด่าทอกันทาง social media ผู้เสียหายบุกไปที่บ้านจำเลยและถูกจำเลยแทงศาลตัดสินว่าเป็นการป้องกันแต่เกินสมควรแก่เหตุจำคุก 1 ปีรอการลงโทษ

ด่าทอกันทาง social media ผู้เสียหายบุกไปที่บ้านจำเลยและถูกจำเลยแทงศาลตัดสินว่าเป็นการป้องกันแต่เกินสมควรแก่เหตุจำคุก 1 ปีรอการลงโทษ

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

งานเผยแพร่ความรู้ทางด้าน กฎหมาย การบริหารการจัดการหนี้สินในองค์กรภาครัฐและภาคเอกชน การฝึกอบรมสัมมนาพัฒนาบุคลากร ในการประกอบธุรกิจ หากหน่วยงานของรัฐ บริษัทห้างร้าน มีความสนใจ เชิญทีมงานไปฝึกอบรมสัมมนาหรือต้องการข้อมูลข่าวสาร ติดต่อได้ที่ 02-948-5700 อ่านต่อ

ท่านใดที่สนใจเกี่ยวกับหลักสูตรฝึกอบรมการติดตามหนี้ ทวงหนี้อย่างไรให้ได้ผล ได้เงิน รักษาภาพลักษณ์ รักษาลูกค้า/หลักสูตรการป้องกันและการปราบปรามการทุจริตภายในองค์กร/หลักสูตรกฎหมายแรงงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหรือผู้บริหารบริษัท สนใจโทร.02-9485700 อ่านต่อ

สืบทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ มีเรื่องคาใจอยากรู้ความจริง โทรมาคุยกับกุ้งได้ที่ 081-625-2161หรือ 089-669-5026 "อย่าปล่อยให้มีเรื่องคาใจ อะไรที่ไม่สบายใจ ต้องหาทางปลดปล่อย สืบให้รู้ความจริง จะได้จบสิ้นกันเสียที สำหรับความทุกข์ที่คาใจมาเป็นเวลานาน อย่าปล่อยให้คนนอกใจลอยนวล" อ่านต่อ

รับแปลเอกสารต่างๆ อ่านต่อ

ด่าทอกันทาง social media ผู้เสียหายบุกไปที่บ้านจำเลยและถูกจำเลยแทงศาลตัดสินว่าเป็นการป้องกันแต่เกินสมควรแก่เหตุจำคุก 1 ปีรอการลงโทษ

  • Defalut Image

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2567

บทความวันที่ 28 มี.ค. 2568, 10:30

มีผู้อ่านทั้งหมด 347 ครั้ง


ด่าทอกันทาง social media ผู้เสียหายบุกไปที่บ้านจำเลยและถูกจำเลยแทงศาลตัดสินว่าเป็นการป้องกันแต่เกินสมควรแก่เหตุจำคุก 1 ปีรอการลงโทษ
#ป้องกันตัว #ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2231/2567
          ข้อหาตามความผิดที่โจทก์ฟ้อง  กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลยังต้องฟังพยานหลักฐานโจทก์อยู่ต่อไปจนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง มิใช่ว่าเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพและไม่สืบพยานของตนแล้ว ศาลจำต้องรับฟังเป็นเด็ดขาดว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องเสมอไป ฉะนั้น หากมีกรณีที่พยานหลักฐานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพปรากฎว่าจำเลยมิได้กระทำผิดก็ดี การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดก็ดี คดีขาดอายุความแล้วก็ดี หรือมีเหตุตามกฎหใสบที่จำเลยไม่ควรรับโทษก็ดี ศาลก็ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียได้ตามมาตรา 185 วรรคหนึ่ง
            จำเลยอ้างส่งสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีที่โจทก์ยื่นฟ้องโจทก์ร่วมที่ 1 จากเหตุการณ์เดียวกันกับคดีนี้ซึ่งโจทก์ที่ 1 ให้การรับสารภาพโดยยอมรับว่าคืนเกิดเหตุโจทก์ร่วมที่ 1 บุกรุกเข้าไปในเคหสถานที่อยู่อาศัยของจำเลยแล้วโจทก์ร่วมที่ 1 ใช้ท่อนไม้ยาวประมาณ 1 เมตร ตีทำร้ายจำเลยที่ศรีษะมือและแขนจนจำเลยได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจจริง  เมื่อสำเนาคำพิพากษาเป็นเอกสารราชการของศาลชั้นต้นเอง ทั้งโจทก์และโจทก์ร่วมที่ 1 มิได้แก้อุทธรณ์ว่าเอกสารนั้นไม่ถูกต้องอย่างไร  ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบที่จะรับฟังข้อเท็จจริงตามเอกสารนั้นประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมที่ 1 เป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิป้องกัน เพียงแต่การใช้สิทธิของจำเลยเป็นการเกินสมควรแก่เหตุเท่านั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม เนื่องจากเป็นพยานหลักฐานซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี  ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับฟังพยานหลักฐานนอกสำนวนไม่
           โจทก์ร่วมที่ 1 โกรธที่จำเลยโพสต์ภาพโจทก์ร่วมที่ 1 ประกอบข้อความด่าทอโจทก์ร่วมที่ 1 ในสื่อสังคมออนไลน์จึงไปหาจำเลยที่บ้านยุติไปแล้วเพราะเหตุที่โจทก์ร่วมที่ 1 ไม่สนใจ แม้โจทก์ร่วมที่ 1 จะเกิดโทสะบ้างจากการที่ถูกจำเลยด่าทอในสื่อสังคมออนไลน์ก็หาทำให้โจทก์ร่วมที่ 1 มีความชอบธรรมใดๆ ที่จะบุกรุกเข้าไปทำร้ายจำเลยถึงภายในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัย การกระทำของโจทก์ร่วมที่ 1 ถือเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายอันจำเลยชอบที่จะใช้สิทธิป้องกันได้  มิใช่เรื่องที่โจทก์ร่วมที่ 1 และจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กัน
มีปัญหากฎหมาย สอบถามได้ที่ 02-9485700,081-6161425,081-6252161   


 

แสดงความเห็น

ข่าวที่มีผู้อ่านมาก