WebBoard :กฎหมาย|แค่แง้มประตูรถไว้ยังไม่ทันเปิดออกไป มอไซค์ขับมาชนใครผิดคะ

แค่แง้มประตูรถไว้ยังไม่ทันเปิดออกไป มอไซค์ขับมาชนใครผิดคะ

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

แค่แง้มประตูรถไว้ยังไม่ทันเปิดออกไป มอไซค์ขับมาชนใครผิดคะ

  • 112
  • 1
  • post on 6 ต.ค. 2567, 02:20

คือรถดิฉันจอดอยู่ในซอย แล้วดิฉันใช้ให้แฟนไปหยิบเอกสารในรถที่จอดอยู่ ระหว่างที่จะลงจากรถเขาบอกแค่เปิดแง้มประตูเพื่อจะดูว่ามีรถมาไหมก่อนที่จะลง เปิดไปแค่นิดเดียวจริงๆค่ะมอไซค์ก็ขับมาชนเลย ขับมาด้วยความเร็วด้วย มีพยานเห็นเหตุการณ์ว่ามีรถกระบะขับสวนเลนออกไปมอไซค์คันนั้นซึ่งมาด้วยความเร็วเลยขับเบียดมาทางข้างๆรถเราพอดี แบบนี้ถือว่าใครผิดคะ เราเป็นฝ่ายผิดหรือเป็นประมาทร่วมคะ หลังจากเกิดเหตุเราก็พาเขาไปแจ้งความไว้ก่อนและพาไปรักษาตัวที่ รพ. ตอนแรกเขาก็บอกว่าลุงเองก็ไม่ทันได้มองขับมาเร็วด้วยไม่ติดใจเอาความอะไร ไม่เรียกร้องอะไร เพราะต่างคนต่างประมาท เราก็ได้ออกค่ารักษาให้ไปในบางส่วนและตกลงที่จะซ่อมรถให้ และจะให้เงินลุงแกอีก 10000 เราเลยบอกว่ารอให้ลุงหายและไปตกลงกันที่ สน.ไปทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่าดิฉันได้ชดเชยให้ลุงแกแล้ว โอเครเราก็รอให้ลุงแกหาย แต่อยู่ๆลูกสาวแกมาขอเงิน 2500 ดิฉันเลยถามว่าเป็นค่าอะไร เขาบอกเป็นค่ารถไปทำงานเพราะปกติลุงแกไปรับไปส่ง (ลูกสาวอายุ34ปี) เราและทางบ้านคุุยกันว่าเราจะชดเชยแค่ลุงเพราะเป็นผู้บาดเจ็บเลยยังไม่ได้ให้เงินไป พอเราบอกยังให้ไม่ได้เขาก็เหมือนจะไม่พอใจ และทักเรามาอีกว่าพรุ่งนี้พ่อจะออกจาก รพ.ต้องจ่ายอีก 2400 เราก็เลยขอบิลการรักษาทุกอย่างเพื่อที่จะเอาไปเบิก พรบ ให้ แต่เขาก็เงียบหายไปเราก็เลยไม่รู้ว่าทางนั้นเขาจะยังไงกันแน่ พอถึงวันที่นัดไป สน. เขากลับบอกว่าไม่เอาแล้ว 10000 จะเรียกเพิ่มเป็น 50000 เขาไม่พอใจที่ดิฉันไม่โอนเงินค่ารถไปทำงานให้ลูกเขา 2500 และยังพูดข่มขู่ตั้งแต่อยู่ รพ.แล้วว่าจะอยู่ให้เกิน 14 วันเผื่อที่จะเป็นผู้ป่วยสาหัส ให้เรามีความผิด ทางดิฉันก็ไม่มีเงินจะมาให้เขาขนาดนั้น เลยคุยกับทางบ้านว่าจะให้ดำเนินคดีไปตามกฎหมาย ให้ศาลตัดสินเผื่อจะลดหย่อนเงินส่วนนี้ไปได้บ้าง แต่เขากลับขู่ต่อหน้าตำรวจอีกว่าถ้าเรื่องถึงศาลจะเรียกเป็นแสน แบบนี้ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ สามีและดิฉันก็มากเครียดและนอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว

โดยคุณ Nunan (xxx) 6 ต.ค. 2567, 02:20

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1

อุบัติเหตุ

  หลักกฎหมาย....ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำให้เกิดความเสียหายฯ ผู้นั้นต้องรับผิด  ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน(ทำนองเสียหายเท่าไหร่ ต้องชดใช้เท่านั้น)ตาม ปพพ. ม.420...

   ตามข้อเท็จจริง  ถ้าการแง้มประตูรถ ไปขวางทางเดินรถ คุณอาจจะมีส่วนประมาท และฝ่ายคนเจ็บ  อาจจะมีส่วนประมาทด้วย  ถ้าขับมาด้วยความเร็วสูง และมีพยานยืนยันว่า เขาหลบรถมากระทันหันจึงชนประตู และถ้ามีการเป่าสารเสพติดฯ และมีข้อมูลบันทึกไว้ชัดเจนว่า เกินกว่าที่ กฎหมายกำหนด ย่อมชัดเจนว่าเขาประมาท รูปคดีแบบนี้  น่าจะเป็นการ ต่างฝ่ายต่างประมาทไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน แนวคำพิพากษาศาลฎีกา มักออกมาในทำนองให้รับผิดร่วมกัน  ฝ่ายคนเจ็บคงได้รับการเยียวยา  เพียงกึ่งหนึ่ง....คดีแบบนี้  ตำรวจก็คงให้เจรจากันก่อน  ถ้าตกลงกันไม่ได้  ตำรวจก็คงแนะนำให้ฟ้องทางแพ่งเอาเอง  และคงปรับทั้งสองฝ่าย ตาม พรบ.จราจรฯ...ขอแนะนำให้ใช้วิธีการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง  ไปที่ศาล เจ้าหน้าที่จะแนะนำเองว่า มีวิธีการขั้นตอนอย่างไร  หรือเข้าไปเว็บของศาล(ที่เกิดเหตุ) จะมีขั้นตอนวิธีการในการติดต่อขอไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง หรือใช้โทรฯ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของศาลก็ได้ .....การไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง  ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ..

   การขู่ของคู่กรณี  ก็ไม่ต้องไปวิตกจนเกินควร เพราะความจริงก็คือความจริง  เราไม่ต้องไปตอบโต้ ให้เกิดบอบช้ำทางอารมณ์  ซึ่งไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย....

   คดีนี้ถ้าฝ่ายคุณประมาท ก็คงมีความผิดทางอาญา ตาม ปอ.300 มีโทษ 3 ปี ปรับ หกหมื่นบาท...แต่ถ้าคุณสารภาพไปตามข้อเท็จจริง  ไม่ต้องต่อสู้คดี และชดใช้เยียวยาผู้เสียหายตามสมควร (วางเงินที่ศาล กรณีคู่กรณีไม่ยอมรับ) ศาลคงปรานีลงโทษสถานเบา  ไม่น่าจะมีโทษจำคุก ตาม ปอ. 56 ม.78...ดังนั้นต้องใจเย็นค่อยๆแก้ไขไปตามขั้นตอน

    ส่วนค่าเสียหายที่ ผู้บาดเจ็บสามารถเรียกร้องได้  ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล ตามที่จ่ายจริง...ค่าขาดประโยชน์ในการทำงาน(เช่นเขาทำงานได้วันละ 1 พันบาท เขาบาดเจ็บทำงานไม่ได้ 5 วัน ก็จ่าย 5 พัน เป็นต้น) เรื่องบาดจ็บสาหัส ต้องเป็นการทุพพลภาพ บาดเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน ซึ่งตามข้อเท้จจริงไม่น่าจะร้ายแรงถึงปานนั้น...ค่าเสียหายจะเรียกร้องได้เต็มจำนวน  ฝ่ายเขาต้องไม่มีส่วนประมาท...การไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง  น่าจะยุติปัญหา่ต่างๆได้ด้วยดี และพึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย   ด้วยความปรารถนาดี ครับ

โดยคุณ มโนธรรม เจษฎาสาธุชน 6 ต.ค. 2567, 08:45

แสดงความเห็น