ความคิดเห็นที่ 1

การกู้ยืมเงิน

  แม้ทำสัญญาฯแล้ว แต่ถ้ายังไม่รับเงินกู้  ถือว่าสัญญาฯไม่สมบูรณ์ มูลหนี้ยังไม่เกิดขึ้น  ถือว่ายังไม่มีการกู้ยืมเงิน ผู้ทำสัญญากู้ยืมเงินจึงไม่ต้องรับผิด ตามสัญญากู้ยืมเงินนั้น  ขอแนะนำให้เก็บหลักฐานต่างๆในการติดต่อกับบริษัทที่บริการให้กู้ยืมเงืน เก็บไว้  เช่น การโต้ตอบกันต่างๆ  ดาวน์โหลดเก็บไว้ให้ครบถ้วน   ถ้ามีการฟ้องร้องให้รับผิดตามสัญญากู้ยืมเงิน  ก็สามารถนำหลักฐานเหล่านี้ ยื่นคำให้การต่อสู้ว่า แม้จะทำสัญญากู้ยืมเงินกันจริง  แต่สัญญาฯไม่สมบูรณ์ เพราะผู้ทำสัญญาฯ ยังไม่ได้รับเงินตามสัญญาฯนั้น...มีกฎหมายเปิดช่องให้สามารถยื่นคำต่อสู้ได้ว่า สัญญาฯไม่สมบูรณ์  เพราะไม่ได้รับเงินตามสัญญาฯ ตาม ป.วิแพ่ง ม.94 ตอนท้าย....แต่ถ้ามีการฟ้องร้อง  ผู้ทำสัญญาฯ ไม่ยื่นคำให้การต่อสู้ และยื่นเอกสารต่างๆยืนยันในการติดต่อกัน ว่าไม่ได้รับเงิน  ผู้ทำสัญญาฯหรือผู้กู้ต้องรับผิดตามคำฟ้องนั้น....เรื่องการบอกเลิกสัญญาฯต้องจ่าย 15,000  บาทนั้น เป็นการขู่ให้ผู้ทำสัญญาฯหวาดกลัว  ซึ่งไม่มีมูลหนี้ที่ผู้ทำสัญญาฯ จะต้องรับผิดแต่อย่างใด นิ่งไว้จะปลอดภัย  ถ้าข่มขู่เกินพอดี  ก็เข้าข่ายข้อหากรรโชกทรัพย์   สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้  ด้วยความปรารถนาดี ครับ

โดยคุณ มโนธรรม เจษฎาสาธุชน 10 ต.ค. 2567, 13:01