WebBoard :กฎหมาย|ข้าพเจ้า นาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ผู้ประกอบการค้าร้านส้มโอโมบาย ขอยื่นคำร้องเพื่อ ขอรับความเป็นธรรมเกี่ยวกับการลงราย

ข้าพเจ้า นาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ผู้ประกอบการค้าร้านส้มโอโมบาย ขอยื่นคำร้องเพื่อ ขอรับความเป็นธรรมเกี่ยวกับการลงราย

  • ทนายคลายทุกข์ ปรึกษากฎหมาย โทร 02-9485700
  • Email: [email protected]
Header Background Image

ข้าพเจ้า นาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ผู้ประกอบการค้าร้านส้มโอโมบาย ขอยื่นคำร้องเพื่อ ขอรับความเป็นธรรมเกี่ยวกับการลงราย

  • 63
  • 1
  • post on 18 ต.ค. 2567, 11:30

รายละเอียดพฤติการณ์ในการจับกุมตัวและแจ้งดำเนินคดีความผิดข้อหา"รับซื้อของโจร" ให้แก่ ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ข้าพเจ้าขอยืนยันความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจริงกับตัวข้าพเจ้ามีรายละเอียดต่อดังนี้    ฝ่ายสอบสวนได้แจ้งกับฝ่ายสืบสวนของทางสน.ท่าเรือ ณ.วันที่ 20 กันยายน 2567 ให้ตามเหตุ แจ้งความของวันที่ 10 กันยายน 2567 กล่าวคือ นาย.นิกร ปานอินทร์ อายุ 36 ปี เลขประจำตัว ประชาชน 1100700816353 (ผู้แจ้งเหตุ) ได้มาสถานีตำรวจสน.ท่าเรือเพื่อแจ้งความว่า เมื่อวันที่  7 กันยายน 2567 เวลา 23:00น. เด็กชาย. ชัยรัตน์ วัฒนะเจียมวงศ์ อายุ 14 ปี เลขประจำตัว ประชาชน 1103300288905 (บุตรผู้แจ้ง) ได้วางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อ oppo reno3 pro สีดำ ซื้อมาในราคา 13000 บาท ซึ่งเป็นเครื่องที่บุตรของผู้แจ้งได้ใช้งานมาตลอด 4 ถึง5 ปี แล้ววาง เครื่องไว้ในบริเวณในภายในบ้านไม่ทราบบ้านเลขที่ อยู่บริเวณชุมชนร่วมน้ำใจ 7 ถึง 12 แล้วจึง ออกไปเดินเล่นข้างนอกกับเพื่อน ต่อมาบุตรของผู้แจ้งได้เดินกลับมาที่บ้านหลังดังกล่าว จึงพบว่า โทรศัพท์มือถือของตนได้หายไป โดยไม่ทราบว่าใครได้หยิบเอาโทรศัพท์มือถือของบุตรผู้แจ้งไป จึงได้มาแจ้งความไว้ที่พนักงานสอบสวนที่สน.ท่าเรือ      ซึ่งในต่อมา นาย. นิกร ปานอินทร์ (ผู้แจ้ง/ผู้เสียหาย) กับ นางสาว. ปรียาภรณ์ บุญรักษา (แฟนผู้เสียหาย)ได้ทราบว่าโทรศัพท์เครื่องของบุตรตนที่หายไปได้มีการประกาศขายเครื่องผ่าน  ช่องทางเฟสบุ๊คชื่อว่า "ส้มโอ โมบาย" ได้ลงรายละเอียดการโพสขายเครื่องเอาไว้ว่า"ขายเครื่อง OPPO reno3 pro ในราคา 2999 บาท" บนหน้าไทม์ไลน์เฟสบุ๊คส่วนตัวของข้าพเจ้าอย่างชัดเจน และโปร่งใสโดยไม่มีเจตนารู้มาก่อนล่วงหน้าว่า โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวนี้ เป็นเครื่องที่มีคดีความ ติดเหตุแจ้งเครื่องหายอยู่ ต่อมา นางสาว. ปรียาภรณ์ บุญรักษา (แฟนผู้เสียหาย) จึงทักข้อความ มาในแชทเฟสบุ๊คที่ข้าพเจ้าโพสเครื่องขาย แล้วจึงอ้างว่าต้องการจะซื้อเครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องดังกล่าวที่ข้าพเจ้าโพสขายอยู่ นางสาว. ปรียาภรณ์ บุญรักษา (แฟนผู้เสียหาย) จึงได้ขอ ตรวจสอบเช็คสภาพเครื่องดูเพิ่มเติมอีกที ข้าพเจ้าผู้เป็นเจ้าของร้านส้มโอโมบายจึงยินดีให้ตรวจ สอบดูเครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องดังกล่าวนี้ เนื่องจากข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่าเป็นแฟนของ ผู้เสียหายที่ได้มาขอดูเครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องนี้กับข้าพเจ้าที่ร้านส้มโอโมบาย (เป็นเครื่อง ที่ผู้เสียหายทั้ง 2 คนได้แจ้งเหตุโทรศัพท์หายเอาไว้ก่อนแล้ว)                                      ส่วนพนักงานชุดจับกุมและดำเนินคดีของ สน. ท่าเรือ จึงได้เดินทางมาตรวจสอบพร้อมกับ นาย. นิกร ปานอินทร์ (ผู้เสียหาย) และ นางสาว. ปรียาภรณ์ บุญรักษา (แฟนผู้เสียหาย) เมื่อมา ถึงบริเวณหน้าร้านส้มโอโมบาย จึงได้พบกับ ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ข้าพเจ้าจึง ได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของร้านส้มโอโมบาย นางสาว. ปรียาภรณ์ บุญรักษา (แฟนผู้เสียหาย) จึงได้แจ้งต่อ ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ผู้เป็นเจ้าของร้าน ว่าตนเองคือบุคคลที่ติดต่อ มาขอตรวจดูสภาพมือถือเครื่อง OPPO reno3 pro ที่ข้าพเจ้าได้ทำการโพสต์ขายเอาไว้ผ่านช่อง ทางข้อความแชทของเฟสบุ๊คส่วนตัวของข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ผู้เป็น เจ้าของร้านจึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือ OPPO reno3 pro เครื่องดังกล่าวให้แก่นางสาว. ปรียาภรณ์ บุญรักษา (แฟนผู้เสียหาย) ได้ตรวจเช็คเครื่องดูแต่โดยดี แล้วแฟนของผู้เสียหายจึงจดจำได้ว่า เป็นเครื่องของบุตรตนที่ได้ทำเครื่องหายไปแล้วจริงๆ แฟนผู้เสียหายจึงได้แจ้งกับพนักงานชุดจับ กุมและดำเนินคดีของสน.ท่าเรือ ที่นาย.นิกร ปานอินทร์ (ผู้เสียหาย) ที่ได้แจ้งเหตุเครื่องหายเอาไว้แล้วนั้นได้ทราบโดยทั่วกัน                                                            จากนั้นเจ้าหน้าที่จับกุมและดำเนินคดีของ สถานีตำรวจท่าเรือ จึงได้สอบถามกับข้าพเจ้า  นาย.สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ผู้เป็นเจ้าของร้านส้มโอโมบาย เลขบัตรประชาชน 1100700032581 (ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีในความผิดข้อหารับซื้อของโจรโดยมิได้เจตนา) ข้าพเจ้าจึงได้ ให้การกับตำรวจเอาไว้ว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2567 เวลา 11:09น ข้าพเจ้าได้รับจำนำฝาก ขายเครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องดังกล่าว จากนาย. กฤษณะ ผลเล็ก มาในราคา 1000 บาท โดยได้ชำระเป็นเงินโอนผ่านบัญชีธนาคารออมสินหมายเลข 020434648794 ของนาย. กฤษณะ ผลเล็ก ซึ่งมีสลิปการโอนเงินอย่างถูกต้องชัดเจน ซึ่งก่อนหน้ามานี้นาย.กฤษณะ ผลเล็ก(ผู้ต้องหา) เลขประจำตัวประชาชน 1730500118282 ได้เคยมาจำนำฝากขายโทรศัพท์เครื่องอื่นกับทาง ร้านส้มโอโมบายแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ยังไม่เคยมีปัญหานำเครื่องขโมยมาจำนำ จากนั้นข้าพเจ้าจึงได้ ขอบัตรประจำตัวประชาชนของ นาย. กฤษณะ ผลเล็ก เพื่อเอาข้อมูลส่วนตัวในบัตรประชาชน ของผู้ฝากขายเครื่องและรายละเอียดในการซื้อขายรับฝากเครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องดัง กล่าวนี้ กรอกข้อมูลลงในบิลใบเสร็จสัญญาฝากขายเครื่อง ที่เป็นใบ Copy มี 2 แผ่น แล้วข้าพเจ้า จึงแบ่งบิลใบเสร็จสัญญาฝากขายเครื่อง ที่ได้จดรายละเอียดข้อมูลการซื้อและรับจำนำฝากขาย เครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องดังกล่าวนี้ ให้กับนาย. กฤษณะ ผลเล็ก เพื่อไว้เป็นหลักฐาน ยืนยันในการไถ่ถอนเครื่อง ที่จำนำไว้กับทางร้านส้มโอโมบายได้ แต่ปัญหาก็คือตัวของข้าพเจ้า นาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล "ได้ลืมจดบันทึก" ลงรายละเอียดข้อมูลการซื้อและรับจำนำฝากขาย เครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องดังกล่าวนี้ ลงในสมุดคุมรายการซื้อขายทอดตลาดและการค้าของ เก่าภายในทันทีที่มีการซื้อขายอยู่ในเวลานั้นๆ จึงทำให้ข้าพเจ้าคิดว่าเดี๋ยวค่อยมาจดบันทึกราย ละเอียดการซื้อขายและจำนำรับฝากขายเครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องดังกล่าวนี้ ลงในสมุด บัญชีคุมรายการขายทอดตลาดและค้าของเก่าเอาในภายหลังอีกทีนึงก็ได้           ซึ่งต่อมาในวันที่ 19 กันยายน 2567 เวลาประมาณ 21:40น นาย. กฤษณะ ผลเล็ก ก็ได้มีการ โทรศัพท์มาแจ้งกับทางร้านส้มโอโมบาย ว่าจะขอขายขาดเครื่อง OPPO reno3 pro และได้ส่ง ข้อความมาเป็นเลขบัญชีธนาคารออมสินของ นาย. กฤษณะ ผลเล็กหมายเลข 020434648749 โดยจะขอเพิ่มค่าขายเครื่องขาดอีก 300 บาท เพื่อเป็นการขายขาดเครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องดังกล่าวนี้ กับข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ผู้เป็นเจ้าของร้านจึงได้ทำการโอนเพิ่ม ไปให้ในจำนวน 300 บาท ไปยังหมายเลขบัญชีธนาคารออมสินของ นาย. กฤษณะ ผลเล็ก ที่มี สลิปเป็นหลักฐานการโอนเงินชัดเจน (รวมถึงมีบิลใบเสร็จใบสัญญาฝากขายแนบอยู่กับโทรศัพท์ เครื่องที่มีการซื้อขายและข้อมูลของผู้ซื้อขายกับทางร้านส้มโอโมบายอยู่แล้วทุกเครื่อง) จากนั้น ชุดจับกุมและดำเนินคดีของ สน.ท่าเรือ จึงได้ขอตรวจสอบใบอนุญาติให้ค้าของเก่าของข้าพเจ้า นาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล พบว่าใบอนุญาติให้ค้าของเก่าไม่ได้หมดอายุ เพราะต่อภาษีทุกปี แล้วจึงได้ตรวจเช็ค สมุดบัญชีคุมรายการขายทอดตลาดและการค้าของเก่า ของข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล จึงพบว่าไม่มีการจดบันทึกรายละเอียดการซื้อขายและรับจำนำฝากขาย เครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องดังกล่าวนี้ ลงในสมุดบัญชีคุมรายการขายทอดตลาดและการค้า ของเก่าซึ่งข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ผู้เป็นเจ้าของร้านได้แจ้งกับทางจับกุมและดำเนิน คดีของ สน.ท่าเรือ ไปแล้วว่า ข้าพเจ้าได้ลืมจดบันทึกรายละเอียดข้อมูลการซื้อขายและรับจำนำ ฝากขายเครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องดังกล่าวนี้ ลงในสมุดบัญชีคุมรายการซื้อขายทอดตลาด และการค้าของเก่าอยู่ก็จริง แต่ข้าพเจ้าก็ได้มีการกรอกข้อมูลรายละเอียดในการซื้อขายและรับ จำนำฝากขายเครื่องของ OPPO reno3 pro เครื่องดังกล่าวนี้ ไว้ในบิลใบเสร็จสัญญาฝากขาย เครื่องของร้านส้มโอโมบายไว้อีกด้วยเช่นกัน แต่ชุดจับกุมแล้วดำเนินคดีของสน.ท่าเรือ ไม่ได้ต้อง การหลักฐานยืนยันรายละเอียดการซื้อขายเครื่องจากทางร้านของข้าพเจ้าในจุดนี้ ชุดจับกุมและ ดำเนินคดีของ สน.ท่าเรือ จึงไม่อนุญาติให้ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล หรือบุคคลใน ครอบครัวของข้าพเจ้า ได้นำเอาเอกสารใบสัญญาฝากขายเครื่อง OPPO reno3 pro ตรงนี้ขึ้น ชี้แจง ในการพิจารณาตั้งความผิดในข้อหา "รับซื้อของโจร" (โดยเจตนา)ให้แก่ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ผู้เป็นเจ้าของร้านส้มโอโมบาย ได้อย่างไม่ถูกต้องเหมาะสม หรือไม่ได้รับ ความเป็นธรรมเท่าที่ควร  {เนื่องจากทางร้านส้มโอโมบายสามารถลงจดบันทึกรายละเอียดในการซื้อขายและรับจำนำฝากเครื่องย้อนหลังได้จากรายละเอียดที่กรอกอยู่บนบิลใบเสร็จสัญญาฝากขายเครื่องที่แนบไว้ กับโทรศัพท์อยู่ทุกเครื่องที่มีการซื้อขายกับร้านส้มโอโมบายอยู่แล้วครับ}  {แต่ไม่ทันที่ข้าพเจ้าจะได้กลับมาจดบันทึกรายละเอียดในการซื้อขายเครื่องย้อนหลังลงในสมุด บัญชีคุมรายการขายทอดตลาดและการค้าของเก่าของข้าพเจ้า ได้ทันการณ์ก็เจอชุดจับกุมและ ดำเนินคดีความของ สน.ท่าเรือ มาจับกุมตัวและแจ้งดำเนินคดีความผิดกับ ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ในข้อหา (มีเจตนา) "รับซื้อของโจร" }     โดยที่ชุดจับกุมและดำเนินคดีของ สน.ท่าเรือ ได้เร่งกุมตัว ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ไปดำเนินคดีต่อที่ สน.ท่าเรือ พร้อมกับของกลางที่เป็นหลักฐานแค่  2  รายการนั้นคือ 1.)โทรศัพท์เครื่องOPPOreno3proเครื่องที่เป็นคดีความดังกล่าวนี้อยู่         1                       เครื่อง  2.)สมุดคุมรายการซื้อขายทอดตลาดและการค้าของเก่าอีก 1 เล่ม    (เล่มที่ข้าพเจ้านาย.สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ได้ลืมจดบันทึกรายละเอียดการซื้อขายและรับจำนำ ฝากขายเครื่อง OPPO reno3 pro เครื่องที่เป็นคดีความดังกล่าวอยู่นี้ ได้ทันก่อนการจับกุมตัว ของข้าพเจ้า นาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล)      ซึ่งจะมีของกลางที่เป็นหลักฐานเพียงแค่ 2 รายการ เพื่อไว้ในการพิจารณาตั้งความผิดในข้อหา "รับซื้อของโจร" ให้แก่ข้าพเจ้า นาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ผู้เป็นเจ้าของร้านส้มโอโมบายที่ได้ จดทะเบียนการค้าของเก่าอย่างถูกต้องตามกฎหมายและได้จ่ายภาษีให้กับหน่วยงานของรัฐทุกปี        พร้อมทั้งทำการคุมขังตัวของ ข้าพเจ้านาย .สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ไว้ในห้องคุมขังในเวลา ต่อมาที่ สน.ท่าเรือ เพื่อดำเนินคดีความผิดในข้อหา "รับซื้อของโจร" กับข้าพเจ้า นาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ในตามขั้นตอนต่อไป.       ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล จึงได้ขออนุญาติติดต่อไปทางพี่สาวของข้าพเจ้า เพื่อขอ ยืมเงิน 50,000 บาท มาใช้ในการประกันตัวชั้นโรงพักเพื่อที่ข้าพเจ้านาย.สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล จะได้ออกมาดำเนินการสู้คดีและร้องขอความเป็นธรรม ให้กับร้านส้มโอโมบายของข้าพเจ้า ที่ได้ จดทะเบียนการค้าของเก่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย.      ส่วนเงินประกันตัวของข้าพเจ้า 50,000 บาท ที่ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ได้ไปขอ หยิบยืมมาจาก พี่สาวของข้าพเจ้า (นางสาว. พิมพ์พร พุทธิยิ่งยงกุล) เพื่อเอามาไว้ใช้ในการประกัน ตัวให้กับข้าพเจ้าโดยมาทราบอีกทีว่า พี่สาวของข้าพเจ้าเพื่อที่จะได้ประกันตัวให้กับข้าพเจ้า จึงได้ ไปขอหยิบยืมเงินมาจากบุคคลอื่นมาอีกที ซึ่งมาทราบในภายหลังอีก ว่า พี่สาวของข้าพเจ้าต้องทำ การทยอยจ่ายเงินคืนแทนข้าพเจ้า ให้กับบุคคลที่พี่สาวของข้าพเจ้า ได้ไปขอหยิบยืมเงินมาเพื่อ ไว้ประกันตัวข้าพเจ้า จนกว่าคดีความผิดในข้อหา "รับซื้อของโจร" ของข้าพเจ้าจะสิ้นสุดแล้ว ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล จึงจะได้รับเงินประกันตัว 50,000 บาท ของข้าพเจ้าตรงนี้ เพื่อส่งคืนให้กับพี่สาวของข้าพเจ้าได้ ( นางสาว. พิมพ์พร พุทธิยิ่งยงกุล ) {:ถูกดำเนินคดีความผิดฐาน"รับซื้อของโจร"เพราะลืมจดบันทึกการซื้อขายทั้งที่จดทะเบียนการค้าถูกต้องตามกฎหมาย:} {:ถ้าหายืมเงินประกันตัว 50000 บาทไม่ได้ข้าพเจ้าก็ต้องถูกคุมขังและดำเนินคดีทั้งที่เป็นเสาหลัก อีก 5 ชีวิตในครอบครัว:} {:พี่สาวของข้าพเจ้า ต้องใช้หนี้ค่าประกันตัวแทน ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล จนกว่า คดีความผิดในข้อหา "รับซื้อของโจร" ของข้าพเจ้าจะสิ้นสุดลง:} {:ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล เปิดร้านให้บริการรับซ่อมรับซื้อ-ขายและรับจำนำฝากขาย โทรศัพท์มือถือเพื่อประกอบอาชีพสุจริตไม่ผิดกฎหมายในการทำมาหาเลี้ยงตนเองและครอบครัว ถ้าข้าพเจ้ามีคดีความผิดติดตัวจะส่งผลกระทบต่ออาชีพการงานของข้าพเจ้าได้ในภายภาคหน้า:}  ข้าพเจ้านาย. สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล (ผู้ประกอบการค้าร้านส้มโอโมบาย) ข้าพเจ้าร้องขอความเมตตาต่อศาลที่เคารพเป็นอย่างสูง ขอศาลท่านได้โปรดจงเมตตารับฟังคำร้องขอความเป็นธรรมของข้าพเจ้า เพื่อไว้พิจารณาในการให้คำตัดสินคดีความผิดในข้อหา"รับซื้อของโจร"(โดยมิได้เจตนา) ของข้าพเจ้านาย.สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล ได้อย่างถูกต้องและได้รับความเป็นธรรมแก่ข้าพเจ้า      ลงชื่อ_______________________เจ้าของร้าน            (นาย สิทธิโชค พุทธิยิ่งยงกุล) (Adult)


แตะเพื่อฟังคำร้องจากทางร้านส้มโอโมที่ 2 ลิ้งค์ได้เลยนะค่ะ


https://youtube.com/watch?v=pDcvMvUGXL0&si=aqJMHfXLvov9kKrs


https://youtube.com/watch?v=b-WmbWVpIfU&si=h_AOB-UXzJdqrG8M


โดยคุณ sittichoke2527 (49.228.xxx.xxx) 18 ต.ค. 2567, 11:30

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1

เมื่อถูกดำเนินคดีอาญา


   จากข้อเท็จจริงที่บอกมา  การกระทำของท่าน อาจจะ...เข้าข่ายความผิดฐานรับของโจร ตาม ปอ. ม.357 ซึ่งมีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ1 แสนบาท...การลืมบันทึกรายการซื้อขาย ในสมุดคุมการซื้อขาย ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้  ก็ต้องให้การในการสอบปากคำ ในประเด็นนี้ไว้ให้ชัดเจนว่า  ร้านมีใบอนุญาตรับซื้อของเก่า  มีการซื้อขายกันถูกต้อง  เพียงลืมบันทึกรายการให้ครบถ้วน...ระบบกฎหมายไทย เป็นระบบการกล่าวหา  เมื่อมีข้อเท็จจริง  ที่ใกล้เคียงกับองค์ประกอบของความของผิด  คือ รับซื้อ ฯ ทรัพย์ที่ได้มาจากกระทำความผิด ตำรวจก็ตั้งข้อหารับของโจร   ท่านก็สามารถนำพยานหลักฐานพิสูจน์ว่า  ท่าน ไม่มีเจตนา  กระทำความผิด โดยนำพยานหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้อขึ้นต่อสู้  เมื่อตำรวจสรุปส่งอัยการ  อัยการ อาจจะ มีความเห็น สั่งไม่ฟ้องก็ได้  เพราะจากข้อเท็จจริง  ท่านไม่มีเจตนากระทำความผิด   แต่ถ้าในชั้นอัยการไม่ผ่าน  อัยการมีส่งสำนวนฟ้องศาล ท่านก็มีความจำเป็นต้องไปขึ้นศาล  ขอแนะนำว่า  คดีนี้ไม่จำเป็นต้องต่อสู้คดี  ก็ให้ปากคำไปตามข้อเท็จจริงทั้งหมด ศาลคงปรานีลงโทษสถานเบา  หรือไม่ลงโทษ(ยกฟ้อง) ก็มีทางเป็นไปได้....ดังนั้นไม่ต้องร้องขอเป็นธรรม ให้หมดแรงหมดกำลังใจไปเปล่าๆ  ก็ให้ปากตามข้อเท็จจริง  น่าจะรอด  .....ขอบอกความจริง  คดีนี้แม้มีโทษสูงพอสมควร  แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากมาย  ถ้าอัยการมีการส่งฟ้องศาล  ก็เป็นไปได้  ที่ศาลจะให้คู่กรณี (โจทก์-จำเลย) เจรจาไกล่เกลี่ยฯเรื่องค่าเสียหายทางแพ่ง(ค่าโทรศัพท์ฯ)ถ้าท่า่นยอมชดใช้ในราคาที่เหมาะจากการเจรจา  ถือว่าท่านสำนึกผิด  ศาลคงลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษไว้ 1-2 ปี  ตาม ปอ. ม.56 ม.78...แต่ถ้าท่านถือทิฐิมานะ  มั่นใจว่าตนไม่ผิด เพราะทำถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายก็ได้  แต่อาจจะมีปัญหา ในทางคดี  ทำนองที่เขาพูดๆกัน คือสู้ติดแน่ แพ้ติดนาน  อย่างไรก็ตามกระบวนในศาล  เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์  บางที  ท่านจำเป็นต้องมีทนายความช่วยเหลือ จะดำน้ำไปเองก็ได้ แต่อาจไม่ปลอดภัยนัก ด้วยความปรารถนาดีครับ...

โดยคุณ มโนธรรม เจษฎาสาธุชน 19 ต.ค. 2567, 10:45

แสดงความเห็น