ผู้ค้ำประกัน
ผมในฐานะผู้ค้ำประกัน ได้ค้ำประกันรถยนต์ให้กับภรรยาของผมเอง(หย่ากันแล้ว) และตอนนี้รถคันดังกล่าวได้ถูกขายทอดตลาดไปแล้ว และมีจดหมายมาจากสำนักกฏหมาย ให้ชดใช้ส่วนต่างและค่าติดตาม รวมเป็นเงิน 2 แสนกว่าบาท หากไม่ชดใช้จะถูกดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา และจะฟ้องอายัดเงินเดือนและยึดทรัพย์ อยากปรึกษาอาจารย์ว่า
1. ในเมื่อรถถูกยึดไปแล้ว และขายทอดตลาดไปแล้ว ผมเข้าใจว่าต้องชดใช้ส่วนต่าง แต่ผมไม่เข้าใจว่ามันเข้าข่ายคดีอาญาตรงไหนครับ
2. ผมในฐานะผู้ค้ำประกันจะถูกยึดทรัพย์ด้วยหรือไม่ ทรัพย์ที่ผมมี ก็มีรถยนต์ 1 คัน ราคาไม่เกิน 50,000 ใช้ขับไปทำงาน จากสมุทรปราการ-กทม. และยังมีคอนโดที่ยังผ่อนกับธนาคารอยู่ ทรัพย์ทั้งสองอย่าง ผมจะถูกยึดมั๊ยครับ
3. ถ้าจะอายัดเงินเดือน เงินเดือนผมเหลือแค่ ไม่ถึง 5,000 บาท เนื่องจากถูกหักเยอะ ผมจะโดนอายัดเงินเดือนมั๊ยครับ
4. ภรรยาผมกำลังถูกฟ้องเรื่องบัตรเครดิต และกำลังจะถูกอายัดเงินเดือน แล้วไฟแนนซ์รถ จะฟ้องอายัดเงินเดือนอีกรายนึงได้หรือไม่ ถ้าได้ก็คงไม่เหลือเงินไว้ใช้ในครอบครัวแล้วครับ
5. ค่าติดตามทวงหนี้ทำไมแพงจัง ตั้งหมื่นกว่าบาท ทั้งๆ ที่ส่งจดหมายมาเฉยๆ
คำแนะนำสำนักงานทนายความ ทนายคลายทุกข์
1. การข่มขู่ว่าไม่ชำระหนี้จะถูกดำเนินคดีอาญาและอายัดเงินเดือน ยึดทรัพย์ทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษา เจ้าหนี้ไม่มีสิทธิบังคับคดี ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 271 และเป็นการผิดนัดชำระหนี้ทางแพ่ง ไม่มีมูลทางอาญา การกระทำดังกล่าวถือเป็นการทำให้กลัว กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อเสรีภาพ มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 309 และมีความผิดตามพรบ.การทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 มาตรา 12(3) มีโทษทางอาญาตามมาตรา 40 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. เจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิบังคับคดีเอากับทรัพย์สินของลูกหนี้ทุกชนิด ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 271 และมาตรา 283 ถึงแม้จะติดจำนอง
3. การอายัดสิทธิเรียกร้อง เงินเดือน ต้องเหลือไว้ไม่น้อยกว่า 10,000 บาท ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 286(2)
4. ค่าทวงถามหนี้ที่สูงเกินส่วน ศาลลดลงได้ถือเป็นเบี้ยปรับ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 379 ลดลงได้ ตาม ป.พ.พ.มาตรา 381 หรือร้องเรียนที่สคบ.ให้ช่วยไกล่เกลี่ย